"ตุ้มเม้ง เถิดเทิง" ดาราตลกชื่อดัง ออกมาร้องสื่อ มีหญิงสาว สภาพขายเมาขับรถเบนซ์ ไปชนแท่งแบริเออกระเด็นออกมาขวางถนน เธอได้จอดรถข้างทาง จังหวะนั้นตุ้มเม้งดาราตลก ได้ขับรถมาพอดี พอเห็นแท่งแบริเอออยู่กลางถนน จึงรีบหักหลบทันที ทำให้ไปชนท้ายรถเบนซ์ของผู้ประสบอุบัติเหตุที่จอดอยู่ข้างทาง ในวันนั้นผู้หญิงที่ขับรถเบนซ์ได้ยอมรับผิดทุกอย่าง และยอมรับว่าตัวเองเมา แต่พอมาวันนี้กับเปลี่ยนคำให้การ โดยมีอดีตทหารยศนายพลมาช่วยเหลือ โดยกล่าวหาว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด ตนกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเข้ามาร้องเรียนกับสื่อ ไปย้อนดูเหตุการณ์ตอนเกิดอุบัติเหตุ

นายประเสริฐ ประเสริฐสุนทร อายุ 43 ปี หรือ ตุ้มเม้ง เถิดเทิง ศิลปินตลก ได้เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อ 21 มีนาคม 2567 ขณะขับรถตู้ฮุนได H1 อยู่ช่วง ถนนราชพฤกษ์ มุ่งหน้าพระราม อยู่ๆ มีแบริเออร์พลาสติกสีส้ม ไถลออกมาอยู่กลางถนน  เนื่องจากบริเวณนั้น มืด ไฟส่องสว่างน้อย ตนเองเห็นในระยะกระชั้นชิด จึงหักหลบแบริเออร์ก่อนไปชนท้ายรถยนต์ เบนซ์ สีดำ รุ่น cls  ซึ่งผู้ขับขี่เป็นผู้หญิง อายุประมาณ 53 ปี  

ต่อมา ผู้หญิงที่ขับรถเบนซ์ได้ยอมรับว่า ตนเป็นคนขับ เฉี่ยวชนแบริเออร์ จนแบริเออร์ไถลไปอยู่กลางถนน และยังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายกลับที่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขึ้น ซึ่งขณะเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ได้เดินทางรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง ก่อนส่งตัวตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ที่โรงพยาบาล ซึ่งหญิงที่ขับรถเป็น วัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้สูงถึง 198 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ส่วนของตนเอง (ตุ้มเม้ง เถิดเทิง) วัดได้ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น 

ซึ่งต่อมาวันที่ 22 มีนาคม2567 ทาง พนักงานสอบสวนสน.ตลิ่งชัน  เชิญคู่กรณีทั้งสองเข้าพบ ที่ห้องพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน คู่กรณี คือ สาวใหญ่ ที่ขับรถยนต์เบนซ์ cls ยอมรับว่า เหตุการณ์เฉี่ยวชนที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทของตนเองจริงและมี ทางพนักงานสอบสวนลงชื่อในบันทึกประจำวันกำกับไว้ 

ต่อมา วันที่ 10 เมษายน2567 อยู่ๆ พนักงานสอบสวนได้มีการเรียกตนกับคู่กรณีเข้าไปให้การเพิ่มเติม และคู่กรณีได้พาอดีตทหารยศนายพลเดินทางมาด้วย พร้อมพูดเสียงดัง คอยชี้นำพนักงานสอบสวนว่าตนยังไงก็ผิด และสงสัยว่าในรถตนมีขวดเหล้าหรือไม่

ล่าสุดเมื่อวานนี้ 7 พฤษภาคม 2567 พนักงานสอบสวนสน.ตลิ่งชัน ได้เรียกตนเองไปรับทราบข้อกล่าวหา ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย ตนจึงได้ชี้แจงไปว่า ครั้งก่อนที่มา มีการลงบันทึกประจำวันไปแล้วว่า  คู่กรณีที่ 1  รับว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากคู่กรณีที่1 จริง แต่ครั้งนี้กลับเรียกตนมาแจ้งข้อหา ซึ่งตนเองเข้าใจว่า ทางพนักงานสอบสวนอาจถูกกดดันมา จึงต้องเรียกตนเองมาแจ้งข้อหา