‘เมฆินทร์’ ชี้ ‘ทักษิณ’ เดินสายผิดปกติ เป็นอาการของเถ้าแก่ที่ยังห่วงลูกหลาน หลังกระแส ‘เพื่อไทย’ ไม่ดีเหมือนก่อน ถามตรงๆ ใครอนุญาตให้เดินสายทั่วประเทศ ย้ำนักโทษที่ได้รับการพักโทษจะต้องอยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ห้ามออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต
นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดวิสัยของนักโทษที่ได้รับการพักโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ตนเชื่อว่า กรมราชทัณฑ์มีระเบียบพักการลงโทษอยู่แล้ว โดยกำหนดเงื่อนไขเอาไว้อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการหลบหนีและเป็นการสร้างจิตสำนึกให้นักโทษได้มีความสำรวม ก่อนที่จะได้รับการพ้นโทษจริง แต่กรณีของนายทักษิณ ที่มีความเคลื่อนไหวแบบผิดสังเกตนั้น ตนเชื่อว่า น่าจะเป็นอาการของเถ้าแก่ใหญ่ที่ยังห่วงว่าลูกหลานอาจจะนำพาธุรกิจไปไม่รอด เลยต้องลุกขึ้นมาเดินสายเพื่อรั้งไม่ให้ฐานลูกค้าเก่าตีจาก และพยายามหาลูกค้ารายใหม่ๆ โดยจำเป็นต้องยอมถูกคนอื่นตราหน้าว่าป่วยทิพย์และโดนวิจารณ์ว่าเป็นนักโทษเทวดา ทั้งนี้ จากการที่นายทักษิณ เดินสายไปทั่วประเทศนั้น แสดงให้เห็นว่า นายทักษิณยังไม่วางมือทางการเมืองง่ายๆ ยิ่งขณะนี้ใกล้ถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งพรรคเพื่อไทยส่งสมาชิกลงสมัครในหลายจังหวัด และจากการประเมินจะเห็นว่า คู่ต่อสู้มีคะแนนนิยมดีกว่า จึงทำให้นายทักษิณ จำเป็นจะต้องเดินสาย เพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งในระยะสั้นในการเลือกตั้งนายก อบจ. และระยะยาวคือการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งจะมีกำหนดไม่เกินปี 2570 ด้วย
“ผมเชื่อว่า กรมราชทัณฑ์มีการวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการพักโทษอยู่แล้ว โดยมีการวางเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดเช่น จะต้องพักอาศัยอยู่ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับเรือนจำ ห้ามประพฤติตนเสื่อมเสีย หรือทำผิดกฎหมายอีก ห้ามไปเยี่ยมบ้าน หรือ ติดต่อกับนักโทษอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ห้ามออกนอกเขตท้องที่ที่อาศัยโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น ซึ่งการออกนอกเขตท้องที่หรือการเดินสายของนายทักษิณ นั้น ผมอยากทราบว่า ใครเป็นคนอนุญาต และการเดินสายแต่ละครั้งใช้เวลานานผิดปกติ เกินวิสัยของนักโทษทั่วไป เพราะผมเชื่อว่า นักโทษทั่วไปที่ได้รับการพักโทษ คงต้องการเพียงแค่ปฏิบัติตัวตามกฎระเบียบที่วางไว้ เพื่อที่จะได้พ้นโทษโดยเร็ว แต่กรณีนายทักษิณ นั้น นอกจากจะทำตัวเป็นนักโทษเทวดาที่มีสิทธิเทียบเท่ากับคนทั่วไปแล้ว ยังทำตัวเป็นเถ้าแก่ที่ยังห่วงลูกหลานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการเดินสายไปนั่นมานี่ทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากสร้างความสับสนให้ชาวบ้านว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงกันแน่แล้ว ทุกที่ที่นายทักษิณไป จะแฝงนัยยะทางการเมืองแทบทั้งสิ้น เพราะถึงแม้ว่า จะส่งลูกสาวของตัวเองมาดึงคะแนนเสียงคนรุ่นใหม่ แต่ฟีดแบคที่กลับไปกลายเป็นว่า ถูกพูดถึงในแง่ลบเสมอ ดังนั้น ด้วยความเป็นพ่อและกลัวว่าพรรคเพื่อไทย ที่ปลุกปั้นมากับมืออาจจะกระแสไม่ดีเท่ากับเมื่อก่อน จึงทำให้นายทักษิณ ต้องฝืนกฎเกณฑ์เพื่อรักษาสถานภาพทางการเมือง โดยหวังอย่างน้อยให้พรรคเพื่อไทยต้องอยู่ให้ได้ภายใต้การนำของลูกสาวที่นายทักษิณ วางตัวให้เป็นทายาททางการเมืองต่อจากนี้ ” นายเมฆินทร์กล่าว