“สมศักดิ์” ถกผู้บริหาร สธ.ครั้งแรก ย้ำเดินหน้า 30 บาท-บำบัดยาเสพติด เผย เปิดเวลาเต็มที่ ให้หารือการทำงานใกล้ชิด กำชับ อะไรที่ประหยัด-ประโยชน์ประชาชน ให้เร่งดำเนินการ แย้ม เตรียมปรับลดจำนวนยาบ้าน้อยกว่า 5 เม็ด ชี้ ให้ดูที่เจตนารมณ์ของกฎหมาย พร้อมปรับแนวทางกัญชาแน่นอน ระบุ ปมข้าว 10 ปี ส่งตรวจแล็บการแพทย์ได้
วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมต่างๆ และผู้บริหารกระทรวง เข้าร่วมประชุม ที่ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
โดยนายสันติ เป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับว่า นับเป็นโอกาสดีที่กระทรวงสาธารณสุข มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาเป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์ของ รมว.สาธารณสุข จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้ระบบการแพทย์และสาธารณสุขไทย พร้อมพลิกโฉมกระทรวงสาธารณสุข ให้ก้าวไปข้างหน้า เทียบเท่านานาประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง โดยตน และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข พร้อมที่จะสนับสนุน และให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานอย่างเต็มที่
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับโอกาสในการทำหน้าที่ ที่สำคัญนี้อีกครั้ง โดยตนมารับตำแหน่งนี้ เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมา ใช้เวลาสั้นๆเท่านั้น แต่ครั้งนี้ ตนพร้อมที่จะขับเคลื่อนงาน กับผู้บริหารทุกคน ซึ่งตนขอยืนยันว่า มีเวลาเต็มที่ ดังนั้น หากใครมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ส่วนรวม ก็สามารถเข้ามาหารือกันได้ตลอดเวลา โดยจากนี้ จะมีการประชุมผู้บริหารกระทรวงทุกวันพุธ แต่ถ้าสัปดาห์ใดไม่มี ตนก็จะเก็บเวลาไว้ให้ผู้บริหารทุกคนเข้าพบเพื่อหารือในการขับเคลื่อนงาน ซึ่งเรื่องแพทย์ถึงแม้ตนจะมีความรู้น้อย แต่ก็สามารถช่วยทำเรื่องอื่นได้ เช่น เครื่องมือการดำเนินการ คือ กฎหมาย หรือ กฎระเบียบต่างๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น
“งานของกระทรวงสาธารณสุข ที่ผมได้รับฟังรายงานสรุป ถือว่า สำคัญทั้งหมด ทั้ง โครงการ 30 บาท หรือ การบำบัดยาเสพติด ดังนั้น ผมคิดว่า ทุกคนในกระทรวงต้องทราบ และติดตามงานให้ทัน เพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับสังคม เพราะที่ผ่านมา บางคนจำไม่ได้ศัพท์ แล้วเอาไปพูดต่อ ทำให้ยุ่งไปใหญ่ รวมถึงบางคนพูดว่า รมว.ใหม่ ยังไม่ได้ทำอะไร โดยถ้าบางอย่างยังไม่เรียบร้อย 100% ก็ยังไม่ควรนำเสนอ เพราะจะทำให้สังคมเข้าใจผิด ซึ่งผมขอยืนยันว่า ผมพร้อมที่จะเป็นส่วนประกอบช่วยทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า วันนี้ เป็นการประชุมผู้บริหารกระทรวงครั้งแรก โดยมีโอกาสได้รับฟังผลการดำเนินงาน ซึ่งตนก็ได้ให้นโยบายว่า อะไรที่ทำแล้วประหยัด ได้ผลดี ทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย ก็ขอให้เร่งดำเนินการ รวมถึงพร้อมสนับสนุนภาคเอกชน หรือ ภาครัฐ ที่จะเข้ามาลงทุนเกี่ยวกับด้านการแพทย์อย่างเต็มที่ โดยสิ่งที่ได้พูดคุยเน้นย้ำ คือ นโยบาย 30 บาท และแผนการบำบัด ที่ต้องบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงานด้วย ซึ่งเรื่องยาเสพติด จากนี้ ก็ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่า มีการบำบัดไปแล้วเท่าไหร่ ผลเป็นอย่างไร
เมื่อถามถึงการพิจารณาปรับลดจำนวนยาบ้าที่ถือเป็นผู้เสพ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องมีการพิจารณาใหม่อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ ถ้ามีโอกาส ตนจะนำเสนอผู้บังคับบัญชาต่อไป เพราะตนเข้าใจเจตนารมณ์ของกฎหมายยาเสพติดเป็นอย่างดี โดยถ้ามีการพิจารณาเจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ซึ่งเดิมทีเจตนารมณ์กฎหมาย ไม่มีเรื่องปริมาณเล็กน้อย โดยห้ามครอบครอง 100% แต่เมื่อครม.ส่งร่างกฎหมายใหม่ ให้กฤษฎีกา ก็ได้รับการปรับแก้ให้มีเรื่องปริมาณเล็กน้อย เนื่องจากในอดีตมีข้อถกเถียงว่า ถ้ามียาบ้าติดกระเป๋า หรือ ติดเล็บ จำนวนไม่ถึงเม็ด ก็จะถูกดำเนินคดี ดังนั้น จึงมีการเพิ่มมาตรา ให้มีเรื่องปริมาณเล็กน้อย เพื่อให้ฝ่ายปฎิบัติ ไม่ต้องยุ่งยากมาก แต่จากนี้ จะกำหนดจำนวนกี่เม็ด ก็ต้องมีการหารือจากทุกภาคส่วน แต่ยอมรับว่า มีแนวโน้มน้อยลงกว่า 5 เม็ด อย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงการปรับแก้กัญชา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องมีการปรับปรุง โดยแนวทางต้องเปลี่ยนไป แต่จะเปลี่ยนอย่างไร ต้องหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะเราจะทำโดยลำพังไม่ได้ ซึ่งขอยังไม่ลงรายละเอียดว่า จะเป็นกัญชาทางการแพทย์เท่านั้นหรือไม่ โดยขอให้รอความชัดเจนภายในเดือนนี้
เมื่อถามถึงเรื่องคุณภาพข้าว 10 ปี ทางการแพทย์ สามารถรับประทานได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องข้าวเวลาเก็บตัวอย่าง ต้องเก็บพร้อมกัน เพื่อป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์แบบผิดๆถูกๆ ซึ่งข้าวที่เก็บเป็นระยะเวลานาน ต้องยอมรับว่า สภาพจะเปลี่ยนไปตามภูมิศาสตร์ โดยถ้าสังคมเกิดความสงสัย ก็สามารถส่งห้องแล็บ ของวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วัน ก็จะทราบผลของข้าวอย่างละเอียด