ซัดเดือด! ‘กมธ.แรงงาน’ ซักยิบ ‘สุเทพ ก้าวไกล’ ปมทีมงานลงพื้นที่ลับ-เรียกรับเงินโรงงานในปราจีนบุรี เตือนควรแจ้งประธานทราบด้วย หวั่นใช้อำนาจผิดทาง ด้าน ‘ธีระชัย’ เตือนระวังพวก ‘ที่ปรึกษา-ผู้เชี่ยวชาญ’ สมอ้างไปหาเงินหาทอง ทำเสื่อมเสีย ขณะที่เจ้าตัวยืดอกรับส่งคนไปจริง โต้กลับน้ำขุ่นๆ กรรมาธิการฯทำอะไรบ้างนอกจากแถลงข่าว

เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม พิจารณากรณีที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่อ้างว่าเป็นคณะทำงานของนายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งใน กมธ.การแรงงาน เข้าไปตรวจสอบโรงงาน และมีการเรียกรับเงิน โดยจะมีการไล่เรียงเหตุการณ์ว่ามีเป็นอย่างไร ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ จ. ปราจีนบุรี ประกอบด้วยสำนักงานจัดหางานจังหวัด 5 เสือแรงงานจังหวัด รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าให้ข้อมูลด้วย

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวเริ่มต้นในที่ประชุมว่า เรื่องนี้นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา มาร้องตนว่ามีคณะทำงานของเพื่อน สส. มาตรวจโรงงาน ซึ่งเป็นการตรวจลับ โดยตนยืนยันว่าไม่เคยคุยกับนายวุฒิพงศ์มาก่อน แต่ก็รับเรื่องไว้ พร้อมยืนยันว่าตนไม่ได้เอ่ยชื่อนายสุเทพ แต่ชื่อนายสุเทพปรากฏกับสื่อมวลชนผ่านไลฟ์ไปแล้ว วันนี้นายสุเทพมาอยู่ในที่ประชุม อยากให้ชี้แจง เพราะไม่ใช่นายสุเทพเสียหายเพียงอย่างเดียว แต่เป็น กมธ.ด้วย ตนยืนยันว่าไม่เคยส่งใครลงพื้นที่

"การไปหาข่าวแบบนี้ ควรต้องแจ้งให้ท่านประธานได้รับทราบด้วย แต่ผมไม่เคยได้รับทราบ" นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

โดยนายสุเทพ กล่าวถามในที่ประชุมว่า กรณีที่พบการกระทำความผิดของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้มีการแจ้งความจับกุมแล้วหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีการสื่อสารออกไปทำให้เกิดความเสียหาย ตนต้องขอความเป็นธรรมด้วยในการดำเนินการ

“ชัดเจนครับ ผมเป็นผู้มอบหมายให้ผู้ติดตามของผมลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล และแจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลักฐานต่างๆก็ลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อมีการลงพื้นที่พบสิ่งที่ผิดกฎหมายส่วนราชการต่างๆในพื้นที่ได้ดำเนินการอะไรบ้างในเรื่องเหล่านี้ต้องมาคุยกัน ท่านประธานไปเหนือใต้ก็บอกตลอดว่าเจอสิ่งผิดกฎหมาย ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ท่านประธานแถลงข่าวบอกว่ามีการแจ้งกับทางรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว ก็ต้องติดตามกันต่อในฐานะที่เราเป็น กมธ. ว่าแจ้งแล้ว ปัญหาเหล่านั้นได้รับการแก้ไขอย่างไร ขณะนี้ 7-8 เดือนที่แรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามา รัฐบาลทำอะไรบ้าง และ กมธ.เรา ทำอะไรที่เป็นกิจลักษณะหรือไม่ หรือเพียงแต่แถลงข่าว” นายสุเทพ กล่าว

ทั้งนี้เลขาธิการ กมธ. ได้ชี้แจงว่าตามข้อบังคับอำนาจของกรรมาธิการในการสอบสวนข้อเท็จจริง กมธ.จะไม่สามารถมอบอำนาจให้ใครกระทำการแทนไม่ได้ ก่อนที่นายสฤษฏ์พงษ์ จะกล่าวว่า ในความเห็นตน ถ้าไม่มีการกำกับ สส.แต่ละคน ก็จะใช้อำนาจต่างๆ ผู้ติดตามลงพื้นที่ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด

“ในส่วนกระทรวงแรงงานเขามีหน้าที่อยู่แล้ว แต่การดำเนินการของ กมธ.เรา เป็นการกำกับเชิงนโยบาย การแก้ไขข้อกฎหมาย เพื่อจะคานอำนาจฝ่ายบริหาร เช่น สามารถตั้งคำถามได้ เสนอแนะได้ว่าฝ่ายบริหารยังมีข้อบกพร่อง แต่การมอบหมายในลักษณะนี้ ผมยังไม่เคยเจอ” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

จากนั้น นายสุเทพ ได้มีการสอบถามถึงการกระทำของประธาน กมธ. บ้างที่ได้เคยมีการมอบหมายให้บุคคลอื่นเข้าไปดำเนินการแทน ใช้อำนาจส่วนไหนแต่ นายสฤษฏ์พงษ์ ได้ปฏิเสธว่าไม่เคยมอบหมายให้ใครดำเนินงานแทน แต่เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว ก็ได้ให้ลงไปดูแล แต่อย่างไรก็ต้องมีหนังสือรายงานการทำงานของตนเองในการลงพื้นที่ด้วย

ขณะที่นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธาน กมธ. กล่าวว่า ผู้ประกอบการหรือผู้ใช้แรงงานก็ดี พอได้ข่าวไม่สมมาพาควร ก็มีเจ้าหน้าที่มี 5 เสือแรงงานจัดการอยู่แล้ว มาด้วยหลักด้วยฐาน เพียงแต่ กมธ. ไม่ทราบว่าคนที่ลงไปเป็นใคร อย่างไร นายสุเทพก็ยอมรับว่าเป็นคนของตัวเอง ก็ว่าไปตามเหตุการณ์

“ผมก็ไม่ได้คิดว่าฝ่ายนิติบัญญัติ นอกจากรับเรื่องราวร้องทุกข์แล้วเป็นผู้คลายปัญหา ผู้ที่จะแก้ปัญหาคือฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้น การจะไปดูเชิงลึก ถ้าท่านสุเทพจะไปดูเชิงลึก เรามาคุยกันก่อนดีหรือไม่ มาคุยกันว่ามันเกิดเหตุการณ์ไม่สมมาพาควร ความคิดของผมควรจะเป็นแบบนั้น ว่าให้คุยกันก่อนแล้วก็ยกโขยงไป เราก็ไปดูเรื่องอย่างนี้ปกติอยู่แล้ว ผมถือว่าถ้าไปแบบนี้มันเสียหาย จะเป็นคนของใครก็แล้วแต่ถ้าไปทำแบบนี้ พวกที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญอะไรต่างๆ เกิดไปหาเงินหาทอง ไม่ได้เด็ดขาด” นายธีระชัย กล่าว

จังหวะนี้นายสุเทพพยายามขอชี้แจง แต่นายธีระชัย ชี้นิ้วไปที่นายสุเทพ พร้อมกล่าวว่า อย่าเพิ่งพูด พร้อมกล่าวย้ำว่าอย่าไปทำไม่ดีไม่ร้าย เอาบัตรตัวเองไปทำมาหากินโดยมิชอบ ตนบอกเลยว่ากระบวนการทางคดีก็ว่ากันไป ถ้ามีคนมาแจ้งว่ารับเงินทอง ก็ให้แจ้งจับเข้าคุกไปเลย ถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีกมันเสียหาย เราสร้างความดีมามันจะเสียหายด้วยคนไม่กี่คน ซึ่ง กมธ. หากลงพื้นที่โดย กมธ. คนอื่นไม่รู้ แล้วไปแบล็กเมล์ หาเงินทองก็ถือเป็นเรื่องที่ผิด

จากนั้นนายวุฒิพงศ์ ในฐานะผู้นำเสนอกรณีดังกล่าว กล่าวว่า จากกรณีนี้เป็นความเสียหายต่อจังหวัด เพราะมีกลุ่มคนลงพื้นที่โรงงานจ.ปราจีนบุรี ตนจึงได้โทรถาม นายเซีย จำปาทอง หนึ่งใน กมธ.ว่ามีมติให้มีคนลงมาพื้นที่จ.ปราจีนบุรีหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบว่าไม่มี แต่กลับมีกลุ่มคนมาในพื้นที่และเรียกรับเงินทำให้โรงงานเข้าใจผิด และมีความเสียหายต่อ กมธ.ซึ่งมีการแสดงบัตรประจำตัวด้วย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก

ด้านนายอำนาจ วิลาวัลย์ สส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน จ.ปราจีนบุรี ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้ เนื่องจากเป็นคนของนายสุเทพ จึงไม่อยากให้เป็นคดีความ แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน และไม่เคยมีการมอบหมายบุคคลอื่นในการลงพื้นที่ ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าในฐานะ กมธ..สามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน มีอำนาจมากน้อยแค่ไหน

จากนั้นนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ที่ปรึกษา กมธ. ตั้งคำถามต่อนายสุเทพ ว่าผู้กระทำการ นายสุเทพเป็นคนสั่งในฐานะสส. หรือในฐานะกรรมาธิการการแรงงาน และใช้ให้มีการเรียกรับเงินหรือไม่