จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน ขาดแคลนแหล่งน้ำสำรองสำหรับอุปโภคบริโภค รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร ซึ่งพลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้เห็นถึงความสำคัญดังกล่าว และมอบหน่วยทหารกองทัพบกทั่วประเทศ ดำเนินตามโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2567 ที่กองทัพบกได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายนำรถบรรทุกน้ำของหน่วยพร้อมกำลังพลออกแจกจ่ายน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ม.ค.67 ถึงปัจจุบัน สามารถเติมน้ำในแหล่งน้ำในพื้นที่ต่างๆ รวม 6,339,000 ลิตร มากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ 2,316,000 ลิตร นอกจากนี้ยังได้จัดกำลังพลจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยของหน่วย ร่วมซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนอีกด้วย
ล่าสุดตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยและรับทราบในสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นใน จ.ชุมพร ซึ่งมีพืชเศรษฐกิจหลักคือทุเรียนและได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ทุเรียนขาดน้ำ ยืนต้นตายและร่วงเสียหาย ไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งเหล่าทัพ บูรณาการร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาว จ.ชุมพร รับมือกับภัยแล้ง ซึ่งปัจจุบันทางจังหวัดได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเหตุภัยแล้งแล้ว 8 อำเภอ ได้แก่ อ.ปะทิว, อ.ท่าแซะ, อ.เมืองชุมพร, อ.ละแม, อ.สวี, อ.หลังสวน, อ.พะโต๊ะ และ อ.ทุ่งตะโก
ในส่วนของกองทัพบก โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 44 และกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 25 ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบในพื้นที่ จ.ชุมพร ได้ประสานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ดำเนินการตามดำริของนายกรัฐมนตรีในทันที ตั้งแต่ 4 พ.ค.67 โดยได้จัดกำลังพล พร้อมรถยนต์บรรทุกน้ำขนาดใหญ่และยุทโธปกรณ์ เข้าสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ปัจจุบันสามารถแจกจ่ายน้ำรวม 150,000 ลิตร ขณะเดียวกันได้ร่วมจัดหาแหล่งน้ำที่เหมาะสม เพื่อกักเก็บเป็นแหล่งสำรอง และเร่งพัฒนาแหล่งน้ำตามแผนงาน เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป และล่าสุดวานนี้ (6 พ.ค.67) มณฑลทหารบกที่ 44 ได้ส่งกำลังพลลงพื้นที่เข้าช่วยขนสารเคมีขึ้นเครื่องตามหน่วยบินฝนหลวงในภาคใต้ เพื่อขึ้นบินสำรวจพื้นที่ทางเกษตร และปฏิบัติการฝนหลวง เพิ่มปริมาณน้ำบรรเทาแล้งที่ปัจจุบันมีน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่อยู่เพียง 30%
ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่ จ.ชุมพร แต่ประชาชนในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถประสานขอรับการสนับสนุนได้ยังหน่วยทหารในพื้นที่ได้ในทันทีซึ่งกองทัพบกพร้อมนำศักยภาพของทรัพยากรพร้อมเข้าดูแลช่วยเหลือประชาชน คลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว