กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีไอเดียนำต้นกล้วยมาแปรรูปผลิตเสื่อและตาลปัตรพระ พวงหรีด ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้แก่ครัวเรือน และยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง
ต้นกล้วยถือเป็นพืชที่มีประโยชน์ทุกส่วน ทั้งผล ใบ และลำต้น ทำให้วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรสุขใจกรับใหญ่ 111 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยนางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร ประธานกลุ่มฯ มองเห็นคุณค่าและจุดเด่นของต้นกล้วย จึงมีแนวคิดนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการเลือกต้นกล้วยที่มีอายุประมาณ 5-8 เดือน เรียกว่ากล้วยสาว นำมาตัดเป็นท่อนๆ ละประมาณ 70 ซม. จากนั้นลอกกาบด้านนอกที่มีลายสีคล้ำทิ้งไป เอาแต่กาบที่มีลักษณะสีขาวนวล ใช้มีดกรีดเป็นเส้นบาง ๆ นำไปตากแดดประมาณ 2 ครั้ง ก็จะได้เส้นใยจากกาบกล้วยที่มีลักษณะไม่แห้งมากนัก โดยต้นกล้วยสาวจะมีข้อดี เมื่อนำไปทอเสื่อหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีความนิ่ม คงทน สีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
นางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร อายุ 52 ปี ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 กล่าวว่า ที่บ้านปลูกกล้วยอยู่แล้ว สิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ คือแม่มีความรู้เรื่องการทอผ้า ทอเสื่อ อยู่แล้ว จึงมีแนวคิดนำต้นกล้วยมาทอเสื่อ และเป็นช่วงการได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เข้ามาช่วยดูแลเรื่ององค์ความรู้ จากที่ทางกลุ่มเคยมีการรวมตัวจากกองทุนบทบาทพัฒนาสตรีตำบลกรับใหญ่รวมตัวปลูกกล้วยน้ำว้า มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ คงเหลือต้นกล้วยที่ตัดทิ้งไว้มองว่าจะเอาไปทำอะไรดี จึงเป็นที่มาของการนำมาทอเสื่อจากเส้นใยกาบกล้วย ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หาช่องทางการตลาดให้ ส่วนข้อดีของเสื่อที่ทำมาจากเชือกกล้วย คือ ประหยัดต้นทุน คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าต้นกก การรักษาไม่ยุ่งยาก และมีความพิเศษของกลิ่นหอม หากถูกอากาศเย็น ๆ จะมีความนิ่มและหอม ตอนนี้มีการพัฒนาจากเสื่อเพิ่มเติม เช่น พวงหรีด อาสนะสงฆ์ ตาลปัตร เรียกง่าย ๆ คือ ชุดบวชพระใหม่ลดโลกร้อน
ผศ.ปรียาพร ทองผุด สาขาวิชาศิลปศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่า โครงการส่งเสริมพลังชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับมอบหมายจาก ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ได้ทำงานในพื้นที่กรับใหญ่และพื้นที่โดยรอบ พบว่าชุมชนมีอาชีพหลายหลากหลาย ต้องการความรู้และส่งเสริมเรื่องผลิตภัณฑ์ชุมชนนำไปสู่รายได้ จึงให้ชุมชนที่มีทุนเดิมอยู่แล้ว ร่วมมือกันตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้องค์ความรู้เข้ามาช่วยส่งเสริม โดยมีภาคีเครือข่ายเข้ามาช่วยดูแลขับเคลื่อน ในเรื่องการทอเสื่อ และนำเสื่อมาแปรรูปเป็นอาสนะพระ พวงหรีด ตาลปัตร จากเดิมมีอาชีพการเย็บผ้าไตรอยู่แล้ว ในพื้นที่ปลูกกล้วยและขายผลกล้วย มีการนำมาแปรรูปเป็นกล้วยตาก คิดว่าต้นกล้วยที่ต้องเผาทิ้งเกิดมลภาวะน่าจะนำมาทำเป็นเชือกกล้วย แล้วใช้ทุนภูมิปัญญาเดิม นำเชือกกล้วยมาทอเป็นเสื่อ ทางมหาวิทยาลัยฯได้มาช่วยเรื่องการพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อหากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มเติมให้ มีการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ให้ชุมชนไปออกบูธจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในการนำเข้ามาปรับปรุงทำให้งานที่ทำอยู่มีการพัฒนายิ่งขึ้นไป
สำหรับการทอเสื่อ ก็จะใช้กี่ทอเสื่อที่ทำขึ้น นำขึ้นรูปทอทีละเส้น โดยใช้ไม้นำเชือกกล้วยค่อย ๆ สอดเชือกเข้าที่กี่ เอาเชือกล้วยด้านที่เรียบขึ้นมาไว้ด้านบน การทอ 1 บล็อกจะใช้เชือกกล้วยประมาณ 16 เส้น ขณะทอจะต้องตีฟืมให้มีน้ำหนักเสมอกัน เพื่อให้ลวดลายออกมาสวยงามไม่บิดเบี้ยว การทอเสื่อ 1 ผืน จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน นอกจากนี้ยังมีการนำเชือกกล้วยไปทำเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย ที่รองแก้ว อาสนะพระ ตาลปัตร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้สวยงามแปลกตา ที่สำคัญยังมีคุณภาพดี และยังเป็นมิตรต่อส่งแวดล้อมอีกด้วย
ผู้สนใจที่จะศึกษาเรียนรู้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 เบอร์ 063-3544693



