นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า จากความสำเร็จของงานเจรจาการค้า FILMART 2024 ที่ฮ่องกงสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 11 – 14 มีนาคม ที่ผ่านมา สามารถสร้างมูลค่า
การเจรจาการค้ากว่า 2,633 ล้านบาท กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ที่มุ่งหวังสร้างซอฟต์พาวเวอร์ให้กับประเทศไทยโดยอาศัยพื้นฐานทางต้นทุนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมด้านภาพยนตร์ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพในความหลากหลายของผลงาน รวมถึงสร้างคอนเทนต์ให้สามารถก้าวขึ้นสู่เวทีโลกได้อย่างทัดเทียมนานาประเทศทั่วโลก มีความเหมาะสมและจำเป็น

สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือ การนำผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์เข้าร่วมงานสำคัญระดับโลกอย่าง Cannes Film Festival ซึ่งเก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุด งาน Cannes Film Festival ไม่ใช่แค่การประกวดภาพยนตร์ แต่ยังมีส่วนที่เป็นตลาดซื้อขายภาพยนตร์ (Market) และพิชชิ่ง (Pitching) นำบทภาพยนตร์หรือไอเดียมาหาทุนสร้างด้วย เรียกได้ว่ามีครบทั้งเชิงพาณิชย์และเชิงศิลปะ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จึงมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเทศกาลอื่นๆ ที่ไม่ใช่แค่ความเก่าแก่และใหญ่โต แต่เป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่ทุกคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะด้านศิลปะหรือด้านพาณิชย์ก็ตาม 

ในส่วนของ Marché du Film ภายใต้งาน Cannes Film Festival เป็นตลาดสำคัญสำหรับผู้ประกอบการภาพยนตร์ไทยและผู้ประกอบการที่ให้บริการเกี่ยวเนื่อง เพราะเป็นศูนย์รวมที่ใหญ่ที่สุดของผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรม และเป็นเป้าหมายสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจและเพิ่มช่องทางการค้าสู่ตลาดยุโรปและลาตินอเมริกา โดยในแต่ละปีมีบริษัทนานาประเทศทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 600 บริษัท ผู้เข้าร่วมงานกว่า 14,000 คน และมีอีเวนท์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นภายในงานอีกกว่า 200 งาน จาก 140 ประเทศทั่วโลก ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันให้จัดกิจกรรมการเจรจาการค้าภายในงานนี้เป็นประจำทุกปี ด้วยเล็งเห็นว่ายุโรปและลาตินอเมริกาเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ถือเป็นโอกาสทองที่เหล่าผู้ประกอบการคอนเทนต์ไทยจะได้แสดงศักยภาพ เปิดโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งงานเจรจาการค้าครั้งนี้จะจัดขึ้นภายใต้คูหาประเทศไทย (Thailand Pavilion) ระหว่างวันที่ 14 – 22 พฤษภาคม 2567 นี้ 

สำหรับปีนี้ มีผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 12 บริษัท ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และแอนิเมชัน (Film Production and Distribution) 9 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส จำกัด 2) บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด 3) บริษัท เนรมิตหนัง ฟิล์ม จำกัด 4) บริษัท ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด 5) บริษัท แบรนด์ธิงค์ จำกัด 6) บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 7) บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด 8) บริษัท ฮอลลีวู้ด (ไทยแลนด์) จำกัด 9) บริษัท ไร้ท์ บิยอนด์ จำกัด ผู้ผลิตรายการและละครโทรทัศน์ (Television Content and Formats) 1 บริษัท ได้แก่ บริษัท เฮโล โปรดักชั่น จำกัด นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Production and Post Production Services) เข้าร่วม 2 บริษัท ได้แก่ 1) บริษัท เบนีโทน ฟิล์มส์ จำกัด 2) บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ งาน Cannes Film Festival ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 77 โดยมีงานแสดงสินค้า Marché du Film ที่เป็นตลาดซื้อ-ขายภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นับได้ว่าเป็นกิจกรรมที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยผู้ประกอบการไทยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้เติบโตสู่ตลาดโลก อันนำไปสู่การสร้างเม็ดเงินและโอกาสทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล