เมื่อเวลา 11.00 น.ของวันที่ 5 พค 67  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี เดินทางมาถึงที่หอประชุมที่ว่าอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม  เพื่อติดตามประเด็นยาเสพติดและหนี้นอกระบบและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และออกเดินทางไปยังบ้านพักนายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีต สส.มหาสารคามเขต 3 เมื่อ ปี66  สอบตก แต่ได้ส่งนายพลพัฒน์ จรัสเสถียร น้องชายได้ลงเลือกตั้ง นายก อบจ.ในปีหน้าในนามพรรคเพื่อไทย ก่อนเดินทางไปยังจังหวัดร้อยเอ็ด  


        ทางด้านนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.มหาสารคาม ได้กล่าวรายงาน มีการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566-29 ก.พ.2567 )  ลูกหนี้ 2,860 ราย เจ้าหนี้ 2,521 ราย มูลหนี้จำนวนทั้งสิ้น 300,671,249.15 บาท  มีลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือแล้ว 2,196 รายคิดเป็นร้อยละ 76.78 มีการจัดตลาดนัดแก้หนี้แล้ว 9 ครั้ง โดยจะดำเนินดำเนินการให้ครบทั้ง 13 อำเภอ ภายในเดือน พ.ค.2567  และปัญหาภัยแล้งภายในจังหวัดมหาสารคามที่มีภูมิศาสตร์ของจังหวัดไม่มีภูเขาและมีพื้นที่ป่าไม้แค่  4.02 ของพื้นที่จังหวัดที่มีภาคเกษตกรรเป็นหนัก จะมีปัญหาภัยแล้งทุกปี ประชากรมีรายได้ต่อหัวเป็นอันดับ 8ของภาคอีสานและอันดับที่ 57 ของประเทศ 88.134 บาทต่อคนต่อปี 
     

  ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด มีการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ “ยุทธการมหาสารคาม เมืองปลอดภัยยาเสพติด” ครอบคลุมตั้งแต่การเฝ้าระวังการแพร่กระจายของยาเสพติดในพื้นที่ ผ่านปฏิบัติการ”คุ้มบ้านเข้มแข็ง”โดยใช้กลไกคุ้มบ้านในการ RE X-RAY ค้นหาผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติด ในพื้นที่ 1,944 หมู่บ้าน 30 ชุมชน ผลงานดำเนินการปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดมหาสารคาม ในห่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 – 26 เมษายน 2567 ปริมาณของกลางคดี ยาเสพติด จำนวน 1,528 คดี ผู้ต้องหา 1,531 คน ของกลาง ยาบ้า 1,430,132 เม็ด ไอซ์ 354.54 กรัม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังจากที่ได้ฟังสรุป ได้กล่าวว่า ตนเองเป็นห่วงเรื่องน้ำและภัยแล้งของจังหวัดมหาสารคาม ปริมาณน้ำฝนก็ตกน้อยกว่าปกติ จะได้มีการสั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ปภ. ได้ดูแลเรื่องการขุดลอกคูคลอง การซ่อมแซมประปาให้กับประชาชนให้มีน้ำกินน้ำใช้อย่างเพียงพอ และจะได้สั่งการให้ทหารพัฒนาได้มาดูแลเรื่องรถบรรทุกน้ำเคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือเรื่องการขาดแคลนน้ำให้กับประชาชน 

ส่วนปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบของจังหวัดมหาสารคามถึงแม้ว่าจะมียอดหนี้ 300 ล้านมีประชาชนมาแจ้งยอดไว้ไม่ถึง 3000 คน ถือว่าน้อยมากเป็นตัวเลขที่ยังไม่น่าพอใจ ต้องทำงานให้มากขึ้นมากเดิม รณรงค์ให้ประชาชนเข้ามาแจ้งหนี้ให้มากขึ้นเพราะการเป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงนั้นเป็นสารตั้งต้นไปเป็นปัญหายาเสพติดต่อไป  จากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยตากตรำแต่ต้องมาเจอกับดอกเบี้ยที่สูงใช้กันไม่หมดสักที่ 
ปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาใหญ่ ในการบังคับใช้กฎหมายยังหละหลวมอยากให้ทุกภาคส่วนได้ดูแลปราบปรามอย่างเด็ดขาด  โดยให้ทาง ปปส.มหาดไทย ตำรวจ ได้จัดทำบัญชีผู้ค้ายารายใหญ่ กลาง และเล็ก ทำกรอบงานปราบปรามไม่เกิน 90 วัน    ส่วนการจับยาเสพติดต้องดูเจตนาว่าเป็นผู้เสพหรือผู้ขาย ถ้าเป็นผู้ขายจะต้อดเนินการอย่างเด็ดขาดและให้ส่รายงานมายังสำนักนายกรัฐมนตรีทุกเดือน พร้อมกับการยึดทรัพย์ของผู้ค้ายาเสพติดด้วย และในการทำลายของกลางต้องรีบจัดการให้เร็ว ไม่ใช่ย้ายสถานที่ไปเรื่อย ๆ ส่วนผู้เสพยาเสพติดต้องดูแลให้เขาเป็นผู้ป่วยและนำเข้าสู่การบำบัด ดังนั้นจะให้ทาง อปท. สาธารณสุข ตำรวจ มหาดไทย ทหาร ร่วมบูรณการกันเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยในพื้นที่ส่วนราชการ เช่น ค่ายทหาร ให้ทางสาธารณสุขเข้ามาดูแลคนป่วยและให้ทางปกครองมาดูแลความปลอดภัยในพื้นที่