วันที่ 5 พ.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดบนเวที “งาน 10 เดือนที่ไม่รอทำต่อให้เต็ม 10” ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นที่ น.ส.แพทองธาร พูดเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนมากกว่า ซึ่งส่วนตัวเข้าใจในความอิสระของแบงค์ชาติ และมั่นใจว่าทำงานร่วมกันและให้เกียรติมาโดยตลอด เมื่อมีข้อเรียกร้องจึงได้เรียกร้อง เมื่อต้องพูดคุยกันเรื่องดอกเบี้ยที่เห็นว่า ควรต้องปรับลดลง แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็มีเหตุผลที่จะไม่ปรับลด จากนี้รัฐบาลต้องเดินหน้าพูดคุยกับ 4 ธนาคารใหญ่เพื่อให้ลดดอกเบี้ยลง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการทำงานยึดโยงกับประชาชนจากที่ลงพื้นที่รับฟังมาโดยตลอด ซึ่งในการลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดร้อยเอ็ดก็จะรับฟังปัญหานี้ต่อไป

นายกฯ กล่าวว่า ความเป็นอิสระก็เรื่องหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าการมาอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง เรามาอยู่เพื่อประชาชน แต่วิธีการแก้ไขปัญหาแตกต่างกัน ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ 

นายกฯ กล่าวว่า มีความกังวลกับทุกเรื่อง รวมถึงผลกระทบ จากความคิดเห็นที่เกิดขึ้น  เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง จึงพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่สามารถทำได้ เหมือนคำแนะนำที่ผู้ว่าฯธปท. ระบุว่า การประสานระหว่าง ธปท. กับรัฐบาลควรดำเนินการผ่านสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สคล.) หรือหน่วยงานของกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันต่อไป เพราะมีความเห็นแตกต่างกันชัดเจนเรื่องดอกเบี้ย เพราะการลดดอกเบี้ยแค่ 1 สลึงหรือ 50 สตางค์ก็มีส่วนช่วย ซึ่งวันนี้จะไปรับฟังปัญหาเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน ดังนั้นวิธีการสื่อสารอาจแตกต่างกันไป แต่ยืนยันว่า รัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร

นายกฯ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ว่าจะสามารถประสานพูดคุยกับ ธปท.ได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น เพราะหากขัดแย้งกันแล้วประชาชนเดือดร้อนก็จะไม่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันแต่ก็มีวิธีอื่นที่สามารถประสานพูดคุยกันได้ 

เมื่อถามว่า ประเด็นที่ฝ่ายค้านมองว่าเวทีของพรรคเพื่อไทยเป็นการบีบ ธปท. ให้เห็นด้วยกับรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่เคยบีบใคร เป็นแค่การสะท้อนความต้องการของประชาชน