เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากอิทธิพลพายุฤดูร้อนในหลายอำเภอของ จ.ขอนแก่น โดยเฉพาะที่ อ.เมืองขอนแก่น  มีพายุฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น และสร้างความเสียหายในหลายๆจุด ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสำรวจความเสียหายและเร่งให้การช่วยเหลือแล้ว

โดยเฉพาะที่บ้านเลขที่ 132/79 ม.4 ชุมชนหัวสะพานสัมพันธ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยสว่างขอนแก่นสามัคคีอุทิศ ร่วมกันตรวจสอบชันสูตรศพในที่เกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตคือ นางสุภวรินทร์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 ม.1 ต.โนนสวรรค์ อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ดก่อนจะนำศพมายังโรงพยาบาลศรีนครินทร์และประสานญาติมาติดต่อรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว

จากการสอบถาม นางกุลธิดา อายุ 61 ปี เจ้าของโกดังซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน กล่าวว่า ขณะเกิกเหตุ มีลมพายุพัดอย่างรุนแรง น่ากลัว ได้ยินเสียงลมแรงมากประมาณ 10 นาที ลมแรงมากจึงเข้าบ้านไปหลังคารั่วไฟดับ จึงพากันถูบ้านได้ยินเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว เสียงสังกะสี คิดว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ล้มใส่ พอฝนซาจึงออกมาดูไม่เห็นโกดัง ไม่เห็นเสาโกดังหายไปทั้งหมด จึงไปตะโกนเรียกหาผู้เสียชีวิต ซึ่งตอนแรกไม่ทราบว่าเสียชีวิตโดยทุกคนได้พากันเข้าไปถามหาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เห็นรถ จักรยานยนต์จอดไว้ มีรองเท้าถอดอยู่ กระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยค้นหาก็เห็นโทรศัพท์ ทุกอย่างอยู่ครบแต่เจ้าตัวไม่อยู่ 

"เมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทั้งชาวบ้านช่วยกันหาแต่ก็ไม่เจอ ก่อนจะแยกย้ายไป โดยลักษณะพายุพัดนั้นรุนแรงมาก คาดว่าเป็นลมหมุดพัดทั้งหลังคาทั้งเสาไม้ขนาดใหญ่ปลิวลอยไปอีกฝั่งซึ่งมีบ้านของเพื่อนบ้านข้างเคียงอาศัยอยู่ ได้รับความเสียหายที่หลังคาบ้าน โชคดีที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่บริเวณหลังบ้านทำให้เป็นกำบังเอาไว้ไม่ปลิวไปกระแทกทั้งเสา  กระทั่งช่วงเช้าตื่นขึ้นมาประมาณ 06.00 น. ด้วยความสงสัยจึงไปที่โกดังและใช้ไม้เขี่ยดูเห็นผ้าม่านสีเหลืองคลุมบางอย่างอยู่ ทำไมมีจุดแดงๆอยู่บนผ้าม่าน จึงเอาไม้เขี่ยและเปิดออกก็เห็นขาคน สุดท้ายก็เจอศพเสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตนั้นตนเองยังไม่ทราบแม้กระทั่งชื่อว่าคือใคร ซึ่งเป็นคนที่มาอยู่กับคนที่เช่าห้องในโกดังข้างบ้านไว้ และเตรียมคนของย้ายกลับภูมิลำเนาจึงเรียกผู้เสียชีวิตมาพักที่นี่ชั่วคราวก่อน คาดว่าจะมาทำงานแทนครอบครัวที่ย้ายไปแต่ยังไม่มีที่พักอาศัย"

นางกุลธิดา กล่าวต่ออีกว่า ที่แห่งนี้เดิมนอนอยู่ในห้องพักกันคืนแรกที่ผู้ตายมา รวม 5 คน มีครอบครัวแม่และลูก 3 คน พอครอบครัวแม่ลูกกลับไป ผู้ตายก็ยังนอนอีก 1 คืน ซึ่งเป็นคืนที่มีพายุพอดีจนกระทั่งเกิดเหตุสลดดังกล่าว อย่างไรก็ตามณะนี้ทางญาติพี่น้องก็ทราบแล้วกำลังเดินทางมารับศพและขนย้ายของผู้ตายกลับ ส่วนความเสียหายได้พูดคุยกับทางเพื่อนบ้านแล้ว และในส่วนของโกดังหลังบริเวณหลังบ้านที่พังนั้นอยู่ระหว่างให้ช่างมาประเมินความเสียหายแต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท