เมื่อวันที่ 4 พ.ค.67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.ภษิต กะเตื้องงาน ผกก.สน.ดินแดง พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.สส.บช.น. , กก.สส.บก.น.1 และ สืบสวน สน.ดินแดง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีร่วมกัน

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว 4 ราย จากหมายจับจำนวน5หมาย โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ยังให้การภาคเสธอยู่ โดยยอมรับว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากทางตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งสามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งผู้เสียหายยังมีการชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาทั้งหมดอีกด้วย ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก1ราย คือ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมตัวอยู่


ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ขอประกาศแจ้งเตือนว่า ผู้ใดที่ทำการช่วยเหลือซ่อนเร้น ผู้กระทำความผิด จะมีโทษทางอาญาด้วย ส่วนการขยายผลผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 ราย ในวันนี้ได้มีการเร่งรัดในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อขอหมายจับเพิ่มเติม 
    
สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งสี่รายที่ถูกจับกุมตัวได้นั้น มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมี อดีตตำรวจ สน.คันนายาว ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม โดยจะให้กลุ่มผู้ต้องหานำตัวผู้เสียหายไปพบเพื่อให้ยืนยันว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง พร้อมกับข่มขู่เพื่อเรียกเงินเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ทั้งนี้พบว่าในวันเกิดเหตุ อดีตตำรวจ สน.คันนายาวได้ขับรถเบนซ์สีดำ มาจอดที่หน้าโรงแรมด้วย เพียงแต่ไม่ได้ลงจากรถเท่านั้น 

ส่วนนายนภสินธุ์  ทำหน้าที่เข้าไปเปิดห้องพักในโรงแรมเดียวกับกลุ่มผู้เสียหาย เพื่อให้เข้าถึงตัวผู้เสียหาย ส่วนนายธีรชัย ได้รับการติดต่อให้มาเป็นล่ามแปลภาษาเพื่อติดต่อกับผู้เสียหาย โดยได้รับค่าจ้างจำนวน 15,000 บาท และ นายภูวเดช  ได้รับการติดต่อมาเพื่อขอยืมรถ โดยอ้างว่าจะมาจับผู้ต้องหา ก่อนจะถูกชวนมาร่วมทีมและนั่งรถไปด้วย

ทั้งนี้ตำรวจสืบทราบว่า น.ส.ลูกปลา หญิงชาวลาว  ซึ่งเป็นคนนำเครื่องรูดบัตรมาให้กับกลุ่มผู้เสียหาย เป็นนกต่อ ซึ่งนั่งรถมากับกลุ่มผู้ต้องหาตั้งแต่แรก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานในการขออนุมัติศาลออกหมายจับ

ในส่วนเส้นทางการเงินจำนวน 2.5 ล้านบาท ที่ผู้เสียหายได้โอนเข้ามาให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุ จากการสืบสวนพบว่าเส้นเงินถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกประมาณ 1.4 ล้านบาท ได้ถูกแบ่งให้นายอรรถวุฒิ  7 แสนบาท และ ผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี อีก 7 แสนบาท โดยได้มีการโอนไปจำนวน 1 แสนบาท  ส่วนก้อนที่ 2 ประมาณ 8.9 แสนบาท แต่บัญชีนี้ได้ถูกอายัดโดยตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เนื่องจากบัญชีนี้เกี่ยวข้องกับการหลอกซื้อขายของออนไลน์ จึงทำให้บัญชีนี้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ 

อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางตำรวจได้มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและสถานทูต เพื่อขอทราบรายละเอียดการเดินทางเข้ามาประเทศไทย และประวัติของกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ว่ามีวัตถุประสงค์อะไรถึงเข้ามาในประเทศไทย