เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับคณะรัฐมนตรี (ครม.เศรษฐา 1/1)  ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ โดยมีรัฐมนตรีหน้าใหม่ 6 คน ที่ได้รับการแต่งตั้ง มีรายชื่อดังต่อไปนี้ พรรคเพื่อไทย :  สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง , สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข , เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา , สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม , พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง - เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ,จักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ,พรรครวมไทยสร้างชาติ : สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์  และพรรคพลังประชารัฐ : อรรถกร ศิริลัทธยากร รมช. เกษตรและสหกรณ์

ไม่ว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ ตำแหน่งหนึ่งที่มีการจับตามองว่าควรมีการปรับคือตำแหน่ง “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” หรือรองนายกรัฐมนตรีที่จะมากำกับดูแลงานเศรษฐกิจ

เพราะตอนนี้ “รัฐบาลเศรษฐา 1” ยังขาดอยู่ เพราะหากพิจารณาการทำงานในช่วงของนายกรัฐมนตรี ที่นั่งควบรมว.คลัง ยังไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้เต็มที่ เนื่องจากอาจจะมีภาระงานอื่นที่ต้องทำ ส่งผลพลาดโอกาสสำคัญการขยับตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการหาคนที่เข้ามาดูแลงานในส่วนนี้ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ เพื่อปิดจุดอ่อนในส่วนนี้ของรัฐบาลโดยเร็ว

สำหรับ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1.มีความเข้าใจและต่อติดกับแนวคิดของพรรคเพื่อไทยได้ สามารถแปลงแนวคิดเป็นนโยบาย และจากนโยบายไปสู่แนวทางปฏิบัติได้ 2.มีบารมีมากพอที่จะโน้มน้าว สั่งการข้าราชการทั้งในกระทรวงการคลัง และหน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆได้ เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายไม่สะดุดเหมือนที่ผ่านมา และ 3.เป็นคนที่เครดิตดีพูดแล้ว นักธุรกิจ นักลงทุน ประชาชนให้ความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

และวันนี้ก็ได้  “นายพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มารับหน้าที่ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” และ “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง ที่จะเข้าร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะนโยบาย “โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet”  ที่มีวงเงินมากถึง 5 แสนล้าน ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงที่พรรคเพื่อไทย ใช้หาเสียงและเรียกคะแนนในการเลือกตั้ง 2565 ที่ผ่านมา ส่วนตำแหน่งเดิมที่ไม่ได้มีการขยับและคงเดิมก็คือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ที่ยังคงเป็น รมช.ระทรวงการคลัง รวมแล้วกระทรวงการคลังจะมีรัฐมนตรีถึง 4 คน

สำหรับประวัติ “นายพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ตำแหน่งล่าสุด ก่อนที่จะมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบ รมว.คลัง คือที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และประธานกรรมการ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ขณะที่ “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง  แรกเริ่มรับราชการที่สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เป็นระยะเวลา 1 ปี ก่อนในเวลาต่อมาจะเข้ามามีบทบาทในคณะกรรมการนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ด้าน “นายสนั่น  อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนยังมีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะจัดตั้งขึ้นจากการผสมผสานกันของหลายพรรค แต่วันนี้ภาพการขับเคลื่อนในประเด็นต่าง ๆ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ยังสามารถที่จะเดินหน้าติดตามและทำงานร่วมกับพรรคร่วมได้ จึงยังไม่มีความน่ากังวลในประเด็นนี้

“การปรับคณะรัฐมนตรี ถือเป็นอำนาจของท่านนายกฯที่จะพิจารณาและคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม ในการดำรงตำแหน่งแต่ละกระทรวง ซึ่งเชื่อว่าท่านนายกฯคงจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ได้คนที่ตรงกับงาน เพื่อให้การเข้ามาขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะหลายนโยบายที่อยู่ระหว่างการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ”

ส่วนในประเด็นการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำของรัฐบาล ซึ่งเพียงแค่ครึ่งแรกของปีนี้มีการปรับขึ้นแล้วสองครั้ง เริ่มจากวันที่ 1 มกราคม 2567 ปรับขึ้นทั่วประเทศเป็น 330-370 บาทต่อวัน และล่าสุดปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันใน 10 จังหวัด ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก (มีผลตั้งแต่ 13 เมษายน 2567) ก่อนขยายผลการปรับเปลี่ยนค่าจ้างในภาคการผลิตต่อไป เรื่องนี้นายสนั่น ระบุว่า หอการค้าฯ มีความเข้าใจรัฐบาลที่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ หากพิจารณาจากพื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง จะเห็นได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น แต่ยังมีปัญหาสำคัญคือการขาดแคลนแรงงานในภาคดังกล่าว โดยเฉพาะกิจการโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป หรือที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ดังนั้นการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยดึงดูดแรงงานให้กลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการมากขึ้น จะช่วยเสริมศักยภาพภาคการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป

หลังจากนี้คงต้องลุ้นกันว่า  2 รมต. ป้ายแดง  “นายพิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง มารับหน้าที่ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” และ “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจประเทศได้เป็นอย่างไร!?!

โดยเฉพาะ “โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet” นโยบายเรือธง “ครม.เศรษฐา”

จะเป็นจริงหรือไม่ !?! ต้องจับตามอง!!!