เลขาฯกกต. อ้างรธน.เป็นผู้กำหนดระเบียบคัดเลือกสว.  คงแก้อะไรไม่ได้แล้ว แม้ถูกทักท้วงก็แก้รูปแบบคัดเลือกไม่ได้ ระบุไทม์ไลน์ ไม่เหมือน เลือกตั้ง ส.ส. รอนับหนึ่ง หลังมี พ.ร.ฎ. เริ่มกระบวนการให้เสร็จใน 60 วัน ยืนยันมีมาตรการป้องกันการฮั้วทุกพื้นที่ พร้อมติดกล้องวงปิดวันคัดเลือกสว. เผยธนาธรชวนลงชิงเก้าอี้สว.ทำได้

     เมื่อวันที่ 2 พ.ค.67 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีการทักท้วงรูปแบบการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กกต.จะนำไปปรับปรุงหรือไม่ ว่า รูปแบบของการเลือกตั้งคงแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.บ.) ไม่ใช่ กกต. เป็นคนกำหนด สิ่งที่ กกต. ทำได้คือเรื่องการแนะนำตัวระเบียบ
 

   สำหรับกรณีที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือก หรือรูปแบบการเลือกเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่ กกต. แก้อะไรไม่ได้แน่นอน ส่วนการแนะนำตัว ก็มาจากกฎหมาย เราไม่ได้ทำเกินกฎหมาย กฎหมายบอกว่า ให้แนะนำตัวกับผู้มีสิทธิ์เลือก ซึ่งคือผู้สมัครด้วยกันเอง ระเบียบก็ออกมาแบบนี้
 

   นายแสวง กล่าวต่อว่า แต่เราตระหนักถึงความสำคัญของประชาชน เพราะสุดท้าย สว.ถึงจะไม่ได้เลือกโดยตรงจากประชาชน แต่ก็เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย เพราะต้องทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตาม ประชาชนมีสิทธิ์ติดตาม ตรวจสอบ สังเกตการณ์ ตั้งแต่หลังปิดรับสมัคร เนื่องจากระหว่างการสมัคร ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ เพราะจะมีส่วนได้เสียระหว่างกลุ่มต่างๆ โดยเราจะนำชื่อของผู้สมัคร สว.ทุกคนลงในแอพพลิเคชั่น สมาร์ทโหวต และนำไปไว้ในเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต. ซึ่งประชาชนจะทราบทั้งรายชื่อ ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ประสบการณ์ของผู้สมัคร สว.ทุกคน และผู้สมัคร สว.ก็จะสามารถติดต่อกันได้ในช่องทางต่างๆ ที่อยู่ในแบบ สว.3 เพื่อให้เขาได้แนะนำตัวเองไม่ว่าจะในกลุ่มหรือข้ามกลุ่ม
 

   นายแสวง กล่าวถึงจำนวนผู้สมัครว่า ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แต่ในชั้นระดับจังหวัดจะเหลือ 55,000 คน มีข้อมูลทุกกลุ่มสาขาอาชีพ ในระดับประเทศ ประชาชนก็สามารถติดตามได้ตลอด และในวันคัดเลือกเราจะถ่ายทอดกล้องวงจรปิดจากทุกที่ ตั้งแต่การให้ผู้สมัครเข้าไปนั่งรอลงคะแนน เพื่อให้สื่อมวลชนและประชาชนได้สังเกตการณ์ภายในได้ตลอด ทั้งระดับอำเภอ ทั้ง 928 อำเภอ ชั้นระดับจังหวัด 77 จังหวัดและในระดับประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่เมืองทองธานี อีกหนึ่งแห่ง
   

 ด้วยระบบนี้ ผมคิดว่าเพียงพอที่จะทำให้ทั้งประชาชนและผู้สมัครมีข้อมูลในการพิจารณาเลือกผู้สมัครด้วยกันเองได้
   

 นายแสวง กล่าวต่ออีกว่า สำหรับกรณีที่ขณะนี้มีผู้สมัครบางคนออกมาประกาศตัวลงสมัครนั้น ตนมองว่า ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร การเปิดตัวและการเชิญชวนสามารถทำได้ กกต.เองก็เชิญชวน เพียงแต่ขอให้เป็นคนที่มีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม และเป็นผู้มีประสบการณ์ในกลุ่มที่จะลงสมัคร ย้ำว่า ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรในการทำแบบนี้
   

 ส่วนกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาเชิญชวนนั้น นายแสวง กล่าวว่า ตนได้ตอบไปแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำ นาย ก. นาย ข. จะทำแบบนี้ ก็ทำได้ เมื่อถามถึงกรณี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาระบุยังไม่มีความชัดเจนเรื่องวันประกาศและไทม์ไลน์ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องเวลาของ ส.ว. ไม่ได้เหมือนเวลาของ ส.ส.ที่จะต้องมีการกำหนดว่าจะต้องเลือกตั้งภายในกี่วัน แต่ สว. จะนับหนึ่งก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการโปรดเกล้าฯ ลงมา และจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการ ว่ากระบวนการใดใช้เวลาเท่าไหร่บ้างมันมีเวลาของมัน รวมแล้วไม่เกิน 60 วัน
   

 เมื่อถามว่า หากมี พ.ร.ฎ.ออกมาแล้ว ผู้สมัครสามารถเผยแพร่ประวัติ หรือข้อมูล รวมถึงการแนะนำตัว ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือโซเชียลมีเดียได้หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ในระเบียบแนะนำตัว สามารถทำผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่แนะนำตัวได้แค่กับผู้สมัครด้วยกันเอง เพราะรัฐธรรมนูญให้ผู้สมัครเลือกกันเอง เขาก็ต้องแนะนำกันเอง เมื่อถามถึงข้อปฏิบัติของสื่อมวลชน ในส่วนการสัมภาษณ์ และแนะนำตัวผู้สมัครก่อนหน้านี้ จะต้องมีการลบ หรือซ่อนเนื้อหาหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เห็นอะไรที่ผิดกฎหมาย เราดูทั้งสื่อ ทั้งพฤติการณ์ ของกลุ่มผู้ที่คิดว่าจะสมัคร จากการรวบรวมยังไม่มีอะไรที่เป็นการหมิ่นเหม่ หรือล่อแหลม ที่จะผิดกฎหมาย
   

 นายแสวง กล่าวว่า หากพูดถึงสื่อ ระเบียบการแนะนำตัวออกมาใช้กับผู้สมัครเท่านั้น ไม่ได้บังคับใช้กับสื่อ สื่อจึงรายงาน เสนอ วิเคราะห์ ให้ความเห็น จัดเวที หรืออะไรได้หมด แต่ให้พึงระวังในกฎหมายอื่น ที่อาจจะไปหมิ่นประมาทผู้สมัคร หากเป็นข้อเท็จจริง ก็นำเสนอได้ ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด 
   

 เมื่อถามว่า กกต.มีกลไกป้องกันการทุจริต หรือฮั้ว ในการเลือก ส.ว.หรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า โดยตัวระบบกฎหมายที่ออกมาป้องกันการฮั้วอยู่แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าคนจะไม่คิดฮั้ว และจากนี้ไปคือ มาตรการของ กกต. ทั้งนี้จำนวนผู้สมัครประมาณ 4 แสนคน อาจจะมองดูเยอะ แต่ที่จริงแล้วแบ่งเป็นกลุ่มอาชีพเมื่อเลือกแล้วจะเหลือไม่กี่คนในสาขาอาชีพ โดยมาตรการฮั้ว จะมี 2 รูปแบบ คือแลกคะแนนกัน โดย กกต.จะมีมาตรการจัดการไม่ว่าผู้สมัครจะทำบนดินหรือใต้ดิน และการจัดตั้ง เอาผู้สมัครมาเลือกคนที่จะให้เป็น ส.ว. คือไม่ได้สมัครเพื่อที่จะเป็น ส.ว.แต่จะมาเป็นเสียงเพื่อเลือก ส.ว.ให้ สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้ และ กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ