สพป.นครปฐม เขต 1 จัดอบรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับครู รุ่นที่ 2 โดยนิมนต์ "หลวงพี่น้ำฝน" บรรยายธรรมให้แนวคิดในการทำงานในฐานะแม่พิมพ์ของชาติ โดยแนะให้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต พร้อมย้ำครูคือผู้มีบุญกุศลใหญ่ในการสร้างคน เป็นกำลังสำคัญพัฒนาประเทศชาติ
วันที่ 2 เม.ย.67 ที่ห้องประชุมพระพรหมเวที ชั้น 3 สพป.นครปฐม เขต 1 อ.เมือง จ.นครปฐม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จัดโครงการอบรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพสำหรับครู (ครูผู้สอนกลุ่มสาระวิชาสังคมฯ) รุ่นที่ 2 โดยมีครูผู้สอนในพื้นที่เข้ารับการอบรมจำนวน 80 คน ซึ่งมีคณะผู้บริหารนำโดย ดร.ณัฏฐิกา ลิ้มเฉลิม ผอ.สพป.นครปฐม เขต 1 นายมิน ประจวบวัน รองผอ.สพป. เขต 1 เข้าร่วมในพิธีเปิดโครงการโดยพร้อมเพรียงกัน โดยนิมนต์พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม มาบรรยายธรรมเป็นแนวทาง
นายมิน ประจวบวัน รองผอ.สพป. เขต 1 กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการอบรมว่า การอบรมดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคณะครูผู้สอนในกลุ่มสาระวิชาสังคม ซึ่งหนึ่งในหัวข้อของการอบรมทางวิชาการคือการเข้าใจถึงการนำหลักธรรมในการดำเนินชีวิต ซึ่งหากมีการนำหลักธรรมในการดำเนินชีวิตและการทำงานก็จะสามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานไม่ทำให้เกิดความวิตกในการดำเนินชีวิตและสามารถนำไปสู่การนำไปเป็นแนวคิดในการเรียนการสอนสำหรับเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาในส่วนที่รับผิดชอบต่อไป ซึ่งได้นิมนต์พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม มาบรรยายธรรมให้กับคณะผู้อบรมได้มีแนวทาง ไปใช้ต่อได้ทั้งในในการทำงานและการดำเนินชีวิต
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม บรรยายธรรม โดยให้แนวทางว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ และครูที่สอนในระดับชั้นประถมศึกษา ถือว่าเป็นไม้แรกในการสร้างคนก่อนที่จะเติบใหญ่ขึ้นไป ซึ่งถือว่าตรงนี้มีความสำคัญมากเพราะการจะสร้างคนหากมีการวางรากฐานที่ดี มีการปูพื้นฐานที่ดี และมีการวางแนวคิดที่ดี ก็จะสามารถทำให้เขาเหล่านั้นเติบใหญ่เป็นบุคลากรที่ดีมีความสามารถและมีคุณธรรมในสังคมได้ต่อไป
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า สำหรับครูผู้สอนหลักที่จะแนะให้นำไปใช้นั่นคือปรัชญา เศรษฐกิจพอ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแนวทางไว้กับคนไทยโดยครูก็ไม่ได้มี รายได้มากเหมือนกับต่างประเทศและยังมีความรับผิดชอบอีกหลายด้าน การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ เป็นการเรียนรู้ตัวเองเข้าใจตัวเองและประเมินตัวเองได้ว่าสามารถที่จะดำเนินชีวิตอย่างไร ทำงานอย่างไร และมีเป้าหมายในการสร้างคนขึ้นมาได้อย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากสามารถเรียนรู้และนำมาใช้ได้ก็จะทำให้มีความสุข ความสงบและเข้าสู่เป้าหมายได้ชัดเจน นั่นคือการสร้างคน
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวต่อว่า ครูถือเป็นแม่พิมพ์ที่สำคัญของชาติหากเด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และนำสิ่งที่ครูได้สั่งสอนได้มอบวิชาและถ่ายทอดประสบการณ์ที่ดีให้ เด็กๆเหล่านั้น ก็จะเติบใหญ่มีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านสมองและทางจิตใจซึ่งนั่นจะเป็นการวางรากฐานที่ดีให้กับสังคมไทย และขอยอมรับเชิดชูคุณครูที่ได้รับบุญใหญ่นั่นคือการสร้างคนนี่คือกุศลที่แรงมากเป็นบุญอันยิ่งใหญ่หากครูเป็นแม่พิมพ์ที่ดีแล้วชาติของเราก็จะได้ทรัพยากรบุคคลที่ดีด้วย อีกส่วนนั่นคือได้ฝาก ข้อคิดประจำใจที่เคยฝากไว้ให้กับศิษยานุศิษย์ นั่นคือ ความขยัน ซื่อ อดทน และรู้บุญคุณคน สิ่งเหล่านี้หากนำมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวใจก็จะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้ากับชีวิตทั้งตนเองคนรอบข้างและลูกศิษย์ อย่างแน่นอน