นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาการจราจรบริเวณหน้าศูนย์การค้าย่านราชประสงค์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ถึงแม้ กทม.ไม่มีอำนาจในการจับกุมหรือกวดขันการจราจร เช่น รถแท็กซี่ รถสามล้อ หรือรถจอดในที่ห้ามจอด ทำให้รถติด แต่ กทม.พยายามประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก เพื่อร่วมกันดำเนินการกวดขัน ในส่วนของ กทม.ได้นำเทคโนโลยีมาเสริมทดแทน โดยเฉพาะกล้อง AI นอกจากตรวจจับรถกระทำผิดกฎจราจรแล้ว ยังช่วยเรื่องกำลังคนไม่พอของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งยืนยันว่า แม้ กทม.จะไม่มีอำนาจทั้งหมดในการแก้ปัญหาการจราจร แต่ไม่นิ่งนอนใจ มีความพยายามคิดหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้เสมอ
“เรื่องการกวดขันวินัยจราจรในกรุงเทพมหานคร ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่เพียงพอสำหรับกวดขันทุกเวลา ทุกจุด ดังนั้น การนำกล้อง AI จึงสามารถช่วยได้ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม กทม.ไม่ได้ต้องการให้มีการจับปรับ สุดท้ายแล้ว การเปลี่ยนพฤติกรรมไม่กระทำผิดกฎจราจรจะยั่งยืนกว่า” นายวิศณุ กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โดยเฉลี่ยตำรวจในสถานีตำรวจนครบาล (สน.) กรุงเทพมหานคร และในสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ต่างจังหวัด มีประมาณ 50-60% ไม่เต็มจำนวน และมีภาระหน้าที่มากมาย กทม.จึงนำเทคโนโลยีมาเสริมในจุดนี้ โดยปกติการทำงานของกล้อง AI คือจับภาพทะเบียนรถ แล้วส่งข้อมูลผู้กระทำผิดกฎจราจรไปยังกรมการขนส่งทางบกดำเนินการ แต่ในกรณีหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จะมีการจับภาพพฤติกรรมการใช้รถด้วย หากมีการจอดรับส่งคนถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีความผิดใด ๆ แต่หากมีพฤติกรรมจอดแช่เกินควร จอดซ้อน กีดขวางการจราจรซ้ำ ๆ กทม.จะส่งภาพพฤติกรรมไปยังกรมการขนส่งทางบกด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาตขับขี่ประเภทต่าง ๆ ซึ่งรถทุกคันสามารถจอดรับส่งคนบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้ สามารถขับผ่านช่องจราจรที่ กทม.กั้นไว้ได้ เพียงแต่ต้องไม่มีพฤติกรรมจอดแช่ ซึ่งกล้อง AI จะบอกถึงเจตนาผู้ใช้รถที่อาจสร้างอุบัติเหตุ หรือสร้างความเดือดร้อนให้สังคมได้
“เรื่องการจับปรับเป็นเรื่องปลายเหตุ ไม่ส่งผลดี เนื่องจากผู้ขับรถแท็กซี่ รถตุ๊ก ๆ ล้วนมีภาระรับผิดชอบครอบครัว จึงอยากให้ทำความเข้าใจกันมากกว่า เคารพกฎจราจร ตักเตือนกันได้ สิ่งสำคัญคือไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ก็จะไม่มีปัญหา ส่วนการดำเนินงานแก้ไขในจุดนี้ เรียกว่าราชประสงค์โมเดล ซึ่งมีบริบทพื้นที่แตกต่างไป การนำแนวทางไปแก้ไขจุดอื่นๆ บางอย่างอาจใช้ได้ บางอย่างอาจใช้ไม่ได้ ต้องดูที่พื้นที่เป็นหลัก แต่จะมีการขยายต่อไป ซึ่งจุดนี้คาดว่าจะเห็นผลมากขึ้นภายใน 1-3 เดือน” พล.ต.อ.อดิศร์ กล่าว
นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้ประสานกับแอปพลิเคชั่นรับส่งผู้โดยสารแล้ว ขอความร่วมมือปรับหมุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสารบริเวณที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์กำหนดไว้ 3 จุด ได้แก่ 1.ด้านหลังศาลพระพิฆเนศ 2.บริเวณเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ 3.ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งการเดินทางจะมีการปักหมุดมายังบริเวณดังกล่าวต่อไป เชื่อว่าจะช่วยบรรเทาการจราจรติดขัดในพื้นที่ได้มากขึ้น
#ราชประสงค์ #รถติด #ข่าววันนี้ #กทม #วินัยจราจร