วันที่ 1 เม.ย. 2567 ที่ถ.ราชดำเนิน พรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้นำสส.พรรคก้าวไกล ร่วมเดินขบวนแรงงานจากบริเวณหน้าสนามมวยราชดำเนินไปที่ลานคนเมือง เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 2567 

โดยนายชัยธวัช กล่าวถึงกระแสข่าวการประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ รัฐบาลจะสามารถทำได้หรือไม่ ว่า วันนี้เป็นวันแรงงานแห่งชาติ ซึ่งเป็นวันสำคัญที่พี่น้องแรงงานหรือผู้ใช้แรงงานทั่วโลกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการรวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องสิทธิ สวัสดิการ และชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า น่าเสียดายที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่รัฐบาลน่าจะมีคำตอบที่ชัดเจนให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ซึ่งรอคอยรัฐบาลใหม่มา 7-8 เดือนแล้ว ว่าจะมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องสิทธิแรงงาน สวัสดิการแรงงาน รวมถึงเรื่องค่าแรงอย่างไร แต่ดูจะมีแต่ความไม่ชัดเจนเหมือนที่ผ่านๆ มา โยนก้อนหินถามทางเรื่อยๆ ตนเข้าใจว่า ล่าสุดมีกระแสว่า วันนี้จะมีของขวัญให้กับผู้ใช้แรงงานว่า จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ แต่ไม่ทันไร ทางรัฐมนตรีก็ออกมาปฏิเสธข่าว และยังดูเหมือนว่าไม่มีความชัดเจนแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่พี่น้องแรงงานกังวล คือต้องการความชัดเจนว่าจะอย่างไรกันแน่

 

“ถ้าจะมีการขึ้นค่าแรงจริง จะขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเป็น 400 บาท จะเป็น 400 บาทแบบมีดอกจันทร์หรือไม่ จะมีเงื่อนไขเฉพาะบางสถานประกอบการ บางอำเภอ บางตำบล เท่านั้นหรือไม่ นี่ก็เป็นข้อกังวล เพราะมาตรการขึ้นค่าแรง 400 บาทบางส่วนทึ่ออกมาแล้ว ก็ทำให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานผิดหวัง เพราะเป็นการขึ้นในภาคส่วนที่ทราบดีอยู่แล้วว่ามีค่าแรงเกิน 400 บาทอยู่แล้ว" 

นายชัยธวัช กล่าวว่า ดูเหมือนเป็นการขึ้นค่าแรงที่ไม่มีประโยชน์อะไร จึงต้องการความชัดเจนจริงๆ และถือเป็นความกล้าหาญด้วย เพราะต้องยอมรับว่า หลาย 10 ปีแล้วที่ค่าครองชีพขึ้นเร็วมาก แต่ค่าแรงไม่ขึ้นตาม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะปัญหาคือเมื่อคนทำงานมีค่าแรงไม่เพียงพอ กำลังซื้อที่จะไปจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศก็ไม่เกิด

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า การขึ้นค่าแรงอาจจะไปกระทบกับผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งต้องทำควบคู่กัน แต่ในภาพรวมต้องยอมรับว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องขึ้นค่าแรงแล้ว จะมาคิดว่าประเทศไทยไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการกดค่าแรงให้ถูก กลัวจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้ เพราะค่าแรงเราสูงกว่า แต่ทิศทางของประเทศไทยต้องแข่งด้วยกันเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิต ทักษะแรงงาน และการดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ตนคิดว่าเป็นทิศทางที่ควรจะเกิดขึ้น หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังมีร่างกฎหมายที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาในสภา ซึ่งผ่านวาระที่หนึ่งไปแล้วคือ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ในส่วนของพรรคก้าวไกลมีอยู่ 2 ร่าง แต่ผ่านไปแค่ร่างเดียว คือการเพิ่มวันลาคลอดเป็น 180 วัน หวังว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านและรัฐบาล น่าจะสนับสนุนให้กฎหมายคุ้มครองแรงงานนี้ผ่านออกมาได้

“เรื่องการลาคลอดเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเองวางไว้ว่า ต้องการให้คนมีบุตรมากขึ้น ดังนั้น การให้ความสำคัญกับแม่และเด็ก รวมถึงสวัสดิการจะเป็นส่วนสำคัญที่จะกระตุ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานกล้าที่จะมีลูก ถ้าค่าแรงไม่ขึ้น สวัสดิการในการลาคลอดไม่มีเพียงพอ สวัสดิการแม่และเด็กไม่มีชัดเจน คนก็ไม่กล้ามีลูกนอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าไปแล้ว และอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น คือร่างกฎหมายสหภาพแรงงาน ซึ่งเราเสนอเพื่อที่จะเข้ามาทดแทนกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ที่ประกาศใช้กันมากว่า 10 ปีแล้ว และมีความไม่ทันต่อสถานการณ์และหลักเกณฑ์สิทธิในยุคสมัยใหม่ จึงอยากให้ปรับปรุง เพื่อรับรองสิทธิในการเจรจาต่อรองของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ให้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเพิ่มกลไกในทำงาน แสวงหาความร่วมมือข้อตกลง ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ให้มีความเป็นธรรมและได้รับการยอมรับร่วมกันมากขึ้น หวังว่าร่างกฎหมาย 2 ร่าง จะได้รับการสนับสนุนจาก สส.ทุกฝ่าย” นายชัยธวัช กล่าว