วันที่ 30 เมษายน 2567 การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดพิธีรับมอบ MOU ระหว่าง กทท. และบริษัท การท่าเรือ เอฟซี จำกัด ซึ่งบันทึกข้อตกลงฯ ฉบับนี้ กทท. จะมอบสิทธิ์ให้บริษัท การท่าเรือ เอฟซี จำกัด บริหารทีมต่อเนื่องอีก 5 ปี หรือจนสิ้นสุดปี 2571 โดยมีนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ผู้แทนฝั่ง กทท. นายสาระ ล่ำซำ ประธานกิตติมศักดิ์ สโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี นายเฉลิมโชค ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ผู้แทนฝั่งสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี ร่วมรับมอบ MOU และได้รับเกียรติจากนางนวลพรรณ ล่ำซำ (มาดามแป้ง) นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมเป็นสักขีพยานฯ โดยมีคณะผู้บริหาร กทท. พนักงาน กทท. นายธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีม ผู้ฝึกสอน และนักกีฬา รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธีฯ
สำหรับบันทึกข้อตกลงฯ MOU มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี. ต่อยอดความสำเร็จ ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ในการทำงานด้านการช่วยเหลือสังคมร่วมกัน รวมถึงสร้างพันธมิตรกับสโมสรต่างประเทศพร้อมผลักดันให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและแข็งแรง เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันสูงสุดของประเทศและระดับนานาชาติต่อไป
อทร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบสิทธิ์การบริหารให้กับการท่าเรือ เอฟ. ซี. ต่ออีก 5 ปี จะทำให้การท่าเรือ เอฟ. ซี.บริหารทีมฟุตบอลด้วยความมั่นใจ ซึ่งที่ผ่านมาผู้บริหารสโมสร การท่าเรือ เอฟ.ซี. ตั้งแต่คุณแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทให้สโมสรแห่งนี้มาโดยตลอด นอกจากเข้ามายกระดับทีมแล้วจากผลงานที่เห็นในสนาม ยังเปลี่ยนภาพลักษณ์สโมสรแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในทีมที่มีเอกลักษณ์ มีเสน่ห์และดึงดูดแฟนฟุตบอลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สามารถสร้างความสุขให้กับคนในชุมชน รวมถึงเรายังมีแนวคิดและวิสัยทัศน์การทำงานที่ตรงกันนั่นคือ เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนอกสนามด้วยและหลังจากนี้เราก็ยังมีแผนความร่วมมือ ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของสโมสร
นายเฉลิมโชค ล่ำชำ ประธานสโมสรฯ กล่าวว่า ผู้บริหาร การท่าเรือ เอฟซี และ กทท. เรามีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่คุณแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) เข้ามาเป็นประธานสโมสร เมื่อปี 2558 นี่ถือเป็นปีที่ 9 แล้ว ที่เรามีโอกาสเข้ามาบริหารสโมสรแห่งนี้ ซึ่งถือเป็นเกียรติสำหรับเรา เพราะการท่าเรือ เอฟ.ซี. เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่เก่าแก่มากที่สุดของประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ มีตำนานและเป็นหนึ่งในสโมสรที่ผลิตนักกีฬาสู่ทีมชาติไทยมากที่สุด ในฐานะที่ผมเข้ามาเป็นประธานสโมสรแทนคุณแป้ง ต้องยอมรับว่าไม่ง่ายและกดดันอยู่บ้างเพราะสิ่งที่คุณแป้งปูรากฐานทุ่มเทและทำไว้ให้กับสโมสรแห่งนี้ คงเป็นเรื่องยากที่ประธานสโมสรคนไหนจะทำได้ แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อพาสโมสรแห่งนี้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการไปถึงตำแหน่งแชมป์ไทยลีกในสักวัน ที่สำคัญต้องขอบคุณ กทท. โดยคุณเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. ที่ให้โอกาสและไว้วางใจให้เราทำหน้าที่บริหารทีมต่อไป อีก 5 ปี
ขณะที่ นายสาระ ล่ำซำ ประธานกิตติมศักดิ์ของสโมสร การท่าเรือ เอฟซี กล่าวว่า เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้เราและ กทท. จะเดินหน้าพัฒนาสโมสรแห่งนี้ร่วมกันต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องในสนามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องนอกสนามที่เราให้ความสำคัญเช่นกัน ทั้งการทำ CSR (กิจกรรมเพื่อสังคม) ต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือคนและชุมชนในพื้นที่คลองเตย การให้โอกาสเยาวชนเข้าสู่อคาเดมีของสโมสร รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับสโมสรในต่างประเทศ เพื่อยกระดับทีมแบบรอบด้าน ทั้งที่สเปน (ลูบันเต้ อูเด) และที่ญี่ปุ่น (อวิสป้า ฟุกุโอกะ) ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเราและ กทท.มีวิสัยทัศน์การทำงานที่ตรงกันและในฐานะที่ผมเป็นน้องชายของอดีตท่านประธานสโมสร (นวลพรรณ ล่ำซำ) เหมือนที่ผมเคยบอกไป เรามี DNA ไม่ต่างกันคือเรื่องไม่ยอมแพ้และภายใน 5 ปีนี้ เราจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะไปถึงแชมป์ไทยลีกครั้งแรก
อย่างไรก็ตาม กทท. ให้สิทธิ์บริษัท การท่าเรือ เอฟซี เข้ามาบริหารทีม ตั้งแต่ปี 2558 สิงห์เจ้าท่า ก็ยกระดับขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว มีผลงานดีสุดคว้าอันดับ 3 ไทยลีก, คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย ในปี 2019 และสร้างประวัติศาสตร์ คว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ต่อเนื่องถึง 4 ปีติดต่อกัน ขณะที่ปัจจุบันก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย รีโว่ คัพ ครั้งแรกในรอบ 14 ปี ต่อจากปี 2010