สร้างความหวาดผวาให้แก่ประชาชนผู้คนในสหรัฐอเมริกาหาน้อยไม่
สำหรับ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “ไข้หวัดนก” สายพันธุ์ “เอชไฟว์เอ็นวัน (H5N1)” ที่กำลังอาละวาดในพื้นที่หลายรัฐ ณ ชั่วโมงนี้
พิษสงของไข้หวัดนกที่แพร่ระบาด มิใช่แต่ “สัตว์ปีก”เท่านั้น ที่ต้องเจ็บป่วย ล้มตาย
ไม่ว่าจะเป็น “สัตว์ปีกในธรรมชาติ” เช่น นกป่า เป็นต้น ที่เดินทางอพยพเข้ามาพร้อมกับเชื้อไวรัส รวมไปถึง “สัตว์ปีกตามฟาร์มเลี้ยง” ของเกษตรกรทั้งหลาย เช่น เป็ด ไก่ หากติดเชื้อไวรัสร้ายนี้เข้าไปแล้วหล่ะก็ เป็นอันทำใจได้เลยว่า ต้องเจ็บป่วย ล้มตาย ไปเฉกเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ แม้กระทั่ง “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม” ก็ยังมิวายติดเชื้อไข้หวัดนกที่แพร่ระบาดเข้ามาได้อีกด้วย เช่น แมว ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้านเรือนต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่อาศัยในพื้นที่ขั้วโลกใต้ อย่าง แมวน้ำ หรือสิงโตทะเล เป็นต้น ซึ่งถึงขั้นเสียชีวิตกันบนชายหาดของเกาะแห่งหนึ่งในขั้วโลกใต้กันเลยก็มี
ก็แสดงให้เห็นถึงการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่มีความน่าสะพรึง เพราะนั่น! หมายความว่า มนุษย์เรา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมด้วยเช่นกัน ก็มีสิทธิ์ที่จะติดเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าวได้ ดังที่เคยมีการรายงานถึงการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในมนุษย์ของทาง “องค์การอนามัยโลก” หรือ “ดับเบิลยูเอชโอ” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ฮู” (WHO : World Health Organization) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อของไวรัสไข้หวัดนกในมนุษย์ ก็มีผู้ป่วยรวแล้ว 254 ราย นับตั้งแต่การแพร่ระบาดเมื่อหลายปีก่อนจนถึงช่วงปลายเดือนมีนาคม 2024 (พ.ศ. 2567) ในจำนวนนี้ ปรากฏมีว่าผู้เสียชีวิตถึง 141 รายด้วยกัน คิดเป็นร้อยละ 56 หรือกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต้องถือว่า น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกลุ่มสัตว์ที่หลายคนอาจจะไม่ระแวดระวังในการสัมผัสกับกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหล่านั้น แตกต่างจากสัตว์ปีก ที่ในช่วงที่มีรายงานการแพร่ระบาด ผู้คนก็มักจะหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสสัตว์ปีกกันอยู่แล้ว เพราะกลัวติดเชื้อ ดังนั้น จึงอาจทำให้มนุษย์เราติดเชื้อได้ แม้ว่า ณ เวลานี้ ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า เป็นไปได้น้อยก็ตาม แต่ถ้าเชื้อไข้หวัดนกกลายพันธุ์ต่อไปอย่างต่อเนื่องจนเชื้อสามารถแพร่สู่มนุษย์ได้ง่ายเมื่อไหร่ ก็น่าเป็นห่วงต่อสวัสดิภาพของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก
โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวัน ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในประเทศสหรัฐฯ ณ เวลานี้ กำลังสร้างความสะพรึงให้แก่ประชาชนชาวอเมริกัน เมื่อปรากฎว่า พบการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มโคนม เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา
เบื้องต้นพบในโคนมจำนวนนับสิบฝูง ในพื้นที่รัฐต่างๆ ได้แก่ รัฐเทกซัส จำนวน 7 ฝูง รัฐแคนซัส จำนวน 3 ฝูง รัฐนิวเม็กซิโก จำนวน 2 ฝูง รัฐโอไฮโอ รัฐมิชิแกน และรัฐไอดาโอ จำนวนรัฐละ 1 ฝูง
ตามการวิเคราะห์ของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยแอริโซนา ระบุว่า ถือเป็นครั้งแรกที่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวัน ใน “วัว”
ทั้งนี้ นอกจากฝูงโคนมจำนวนนับสิบฝูงในรัฐข้างต้น ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกแล้ว ปรากฏว่า มีคนงานในฟาร์มเลี้ยงโคนมดังกล่าว จำนวนอย่างน้อย 1 ราย ติดเชื้อไวรัสร้ายชนิดนี้ไปด้วย เป็นคนงานในฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งที่รัฐเทกซัส มีอาการ “ตาอักเสบ” ซึ่งคาดว่าตาน่าจะติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า คนงานฟาร์โคนมรายนี้ ติดเชื้อมาจากสัตว์ปีก หรือติดมาจากวัว ที่เขาทำหน้าที่เลี้ยง ซึ่งมีความใกล้ชิดสัมผัสตัวพวกมัน
ต่อมาสถานการณ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ได้แพร่ระบาดในฟาร์มโคนมตามรัฐต่างๆ ของสหรัฐฯ อีกอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานจากบรรดาสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ หรือสภาซีเนต ที่ระบุด้วยความเป็นห่วงกังวลว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวัน ได้ลุกลามไปในฝูงวัวเพิ่มขึ้นไปแล้วอย่างน้อย 33 ฝูง ในพื้นที่ 8 รัฐ ด้วยกัน จากเดิมที่พบการแพร่ระบาดเบื้องต้นในฝูงโคนมจำนวน 15 ฝูง ในพื้นที่ 6 รัฐ
พร้อมกันนี้ บรรดาสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ ยังหวั่นเกรงด้วยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกนั้น อาจจะลุกลามเป็นวงกว้างกว่าที่ระบุไปข้างต้น
นอกจากโคนมในฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกร ติดเชื้อไข้หวัดนกแล้ว ปรากฏว่า “น้ำนมโค” ซึ่งเป็นผลิตผลโดยตรงของฟาร์มโคนมข้างต้น ก็มีรายงานพบการปนเปื้อนเชื้อไวรัสไข้หวัดนกดังกล่าวด้วยเช่นกัน
โดยเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พบน้ำนมโคที่จำหน่ายตามท้องตลาดในสหรัฐฯ ปนเปื้อนเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ซึ่งเมื่อกล่าวนมโคในสหรัฐฯ ถือเป็นอาหารเครื่องดื่มที่ประชาชนนิยมบริโภคกันเป็นอย่างมาก
ตามการเปิดเผยของ “องค์การอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ” หรือ “เอฟดีเอ” เปิดเผยจากติดตามสถานการณ์ ระบุว่า จำนวน 1 ใน 5 ของนมโคที่จำหน่ายในท้องตลาดของสหรัฐฯ มีส่วนประกอบทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก สายพันธุ์เอชไฟว์เอ็นวัน หรือที่เรียกว่า “เอชพีเอไอ” (HPAI : Fragments of Highly Pathogenic Avian Influenza)
ทั้งนี้ แม้เบื้องต้นทาง “เอฟดีเอ” จะออกมาบอกว่า ยังไม่มีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ที่พบปนเปิ้อนในน้ำนมโคมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ รวมถึงหน่วยงานเดียวกันนี้ ออกมาประกาศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า น้ำนมโคที่ผ่านความร้อนระดับพาสเจอร์ไรซ์ สามารถดื่มบริโภคได้ แต่ ทว่า ผู้คนชาวอเมริกันก็ยังหวาดผวากันอยู่มิใช่น้อย
นอกจากประชาชนชาวอเมริกันแล้ว ทางบรรดาสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ โดยการนำของ สว. มิตต์ รอมนีย์ จากพรรครีพับลิกัน ก็มีความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในวัว และการปนเปื้อนเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในน้ำนมโค จนต้องออกมาส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ดำเนินการจัดการรับมือกับปัญหาการแพร่ระบาดของข้างต้นให้มากกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน นำกฎหมายว่าด้วยการเตรียมการรับมือสิ่งที่เป็นความเสี่ยงอันตรายและการระบาดของโรคครั้งใหญ่ ซึ่งเคยใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หมดอายุไป กลับมาบังคับใช้ใหม่ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า เชื้อไวรัสจะกลายพันธุ์จนร้ายกาจยิ่งขึ้นไปอีก
กล่าวถึงข่าวคราวการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในโคนมและพบน้ำนมโคปนเปื้อนเชื้อหวัดนก ก็ส่งผลกระทบต่อธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำนมโคในสหรัฐฯ อยู่มิใช่น้อย โดยธุรกิจดังกล่าว สร้างรายได้จำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เอาเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีมูลค่ามากเกือบ 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยกัน