วันที่ 30 เม.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายครูมานิต สังข์พุ่ม สส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายปานปรีย์พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลังถูกปรับออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจะ ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ได้กระทบเพราะโดยส่วนตัวนายปานปรีย์อาจจะเก่งเรื่องวิชาการ แต่ไม่มีคุณสมบัติการเป็นนักการเมือง ความอดทนอดกลั้นไม่มี
“ บางฤดูเข้าไปอยู่ในพรรคก็หายไป ตอนที่มีพรรคไทยรักษาชาติเขาก็ไปเดินอยู่ในพรรคไทยรักษาชาติ พอเขาจะมีการจัดตั้งทีมให้ออกไปช่วยงานการเมือง ก็หายไปอีก”
นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตนมองว่านายเศรษฐาให้เกียรติมาก ที่ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งครั้งนี้ตนก็ทราบว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยแล้วให้รับหน้าที่อยู่ที่กระทรวงเดียว เพราะอยากให้คนอื่นมาทำบ้าง หลายเรื่องต้องมีความผูกพันกับพื้นที่ ซึ่งนายปานปรีย์ไม่เคยรู้จักพื้นที่อยู่แล้ว และการที่นายปานปรีย์ได้มารับผิดชอบกระทรวงการต่างประเทศถือว่าเป็นตำแหน่งใหญ่โตแล้ว เวลาไปเมืองนอกก็เทียบเท่าเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการส่งหนังสือลาออกให้สื่อมวลชนก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งตนมองว่าไม่แฟร์ทางการเมือง แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าคนแบบนี้ขาดน้ำอดน้ำทน อยู่กับการเมืองลำบากอยู่ไม่ได้ และในที่สุดก็ต้องอัปเปหิตัวเองออกมา
ส่วนในอนาคตนายปานปรีย์จะยังทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น “ตนไม่ได้ดูถูกดูแคลนเขา เขาเกิดมาไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นนักการเมือง การเป็นนักบริหาร ซีอีโอ เป็นได้ แต่ทางการเมืองนอกจากเป็นนักบริหารแล้ว ต้องมีความเป็นนักการเมืองด้วย เพราะเป็นงานที่หนัก ต้องมีการบริหารพื้นที่บริหาร สส. บริหารราชการแผ่นดิน เรื่องทุกข์สุขปากท้องชาวบ้านมีเยอะ และเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่กระทบต่อพรรคเพื่อไทย เพราะนายปานปรีย์ไม่ใช่คีย์แมนคนสำคัญของพรรค คนที่เก่งสามารถบริหารกระทรวงการต่างประเทศได้มีอีกเยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการพูดแบบนี้เป็นการตัดบัวไม่ให้เหลือใยใช่หรือไม่ นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าตัดวัวไม่เหลือใจ ขนาดตนอยู่การเมืองมานานแทบจะไม่มีโอกาสคุยกับนายปานปรีย์ ทั้งที่คนที่เป็นผู้บริหารต้องมีความผูกพันกับนักการเมือง พร้อมยกตัวอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่วันนี้มีนักการเมืองมาหาจำนวนมากซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
การที่สื่อมาถามว่านายปานปรีย์ ลาออกจะกระทบอะไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบ นายปานปรีย์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย หลายคนบอกว่าเสียดายนายปานปรีย์แต่ถามว่าพรรคเพื่อไทยเสียดายตนไม่รู้ แต่ส่วนตัวจนไม่เสียดาย และคิดว่าผู้แทนคนอื่นเค้าคิดเหมือนตน “อย่าลืมว่าคุณมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะพวกผม มาจากผู้แทนจึงสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ การไปเป็นรัฐมนตรีไปเป็นเสนาบดีแต่ไม่มาสัมผัสกับผู้แทนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญ” พร้อมกล่าวว่า การที่ ปรับตำแหน่งนายปานปรีย์ นายกฯพิจารณา หลายมิติแล้ว