ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับ ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 133 ประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับคะแนนนิยม ภาพลักษณ์ของผู้นำโลก ซึ่งในที่นี้หมายเอาผู้นำ 4 ประเทศมหาอำนาจของโลกเรา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี รัสเซีย และจีน
ผู้นำทั้ง 4 ประเทศในยุคปัจจุบัน ได้แก่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
โดยทาง “แกลลัพ” บริษัทซึ่งดำเนินกิจการด้านการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษา ระดับระหว่างประเทศ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ เป็นผู้สำรวจความคิดเห็น หรือจัดทำโพลล์ดังกล่าว
ผลปรากฏว่า นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยังคงครองคะแนนนิยม และภาพลักษณ์ที่ดี ในหมู่ประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 133 ประเทศทั่วโลก โดยนำมาเป็นอันดับหนึ่งอีกสมัย ซึ่งเป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกัน หรือ 7 ปีซ้อนเข้าไปแล้ว สำหรับ ผู้นำประเทศเจ้าของฉายาเมืองเบียร์บ้าง หรือแดนอินทรีเหล็กบ้าง แห่งนี้
ในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ นายกรัฐมนตรีโชลซ์ ได้คะแนนนิยมเฉลี่ยโดยรวมร้อยละ 46 ด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวเลขเท่าเดิมจากการสำรวจครั้งก่อน แต่จากการสำรวจครั้งก่อนนั้น ทาง “แกลลัพ” ได้สอบถามประชาชนกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 137 ประเทศ มากกว่าการสำรวจครั้งล่าสุดนี้
อย่างไรก็ดี หากเปรียบเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนแล้ว ก็ต้องถือว่า นายกรัฐมนตรีโชลซ์ มีคะแนนนิยมลดต่ำลงมาจากเดิมที่เคยได้ถึงร้อยละ 50
ส่วนผู้นำมหาอำนาจโลกที่ได้คะแนนนิยม และมีภาพลักษณ์ดี ตามมาเป็นลำดับที่สอง ได้แก่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ โดยได้คะแนนนิยมที่ร้อยละ 41
ขณะที่ อันดับ 3 ตามหลังมาอย่างห่างๆ ได้แก่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่ได้คะแนนนิยมไปร้อยละ 30
ปิดท้ายด้วยอันดับ 4 ตกเป็นของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ได้คะแนนนิยมไปเพียงร้อยละ 22 เท่านั้น อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมของประธานาธิบดีปูตินครั้งล่าสุดนี้ ก็ดีกว่าการสำรวจครั้งก่อนที่ได้คะแนนนิยมร้อยละ 21
ว่ากันในการสำรวจความคิดเห็นของประชาคมโลกในแต่ละภูมิภาค ผู้นำประเทศมหาอำนาจโลกทั้ง 4 คน ต่างก็ได้คะแนนนิยมที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ภาพลักษณ์ที่ประชาคมโลกในแต่ละภูมิภาคมองออกมา
โดยในส่วนของนายกรัฐมนตรีโชลซ์ ผู้นำเยอรมนี ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรปนั้น ปรากฏว่า มีภาพลักษณ์ที่ดีในหมู่ประชาชนของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรปด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาได้คะแนนนิยมไปถึงร้อยละ 60 แซงหน้าประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ไปถึงสองหลักด้วยกัน
ทั้งนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคยุโรป ปรากฏว่า มีเพียงโคโซโวเท่านั้น ที่ชื่นชอบต่อประธานาธิบดีไบเดนมากที่สุด มีจำนวนมากถึงร้อยละ 84 เลยทีเดียว แซงหน้า 3 ผู้นำประเทศมหาอำนาจโลกที่เป็นคู่แข่ง
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีไบเดน ไม่สามารถเป็นผู้นำที่ได้รับคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 ในหมู่ชนชาวยุโรปก็มาจากตัวเลขที่สำรวจได้ในประเทศรัสเซีย ที่ปรากฏว่า มีผู้ไม่ชื่นชอบต่อเขาจำนวนมากถึงร้อยละ 88 ด้วยกัน ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีโชลซ์ ผู้นำเยอรมนี แซงหน้าขึ้นไปแทน และทิ้งประธานาธิบดีไบเดนไว้ให้อยู่ในลำดับที่ 2 สำหรับคะแนนนิยมในหมู่ชาวยุโรป
ส่วนผู้นำที่ชาวยุโรปไม่นิยมชมชอบอย่างมากๆ ก็มิใช่ใครที่ไหนอื่น แต่เป็นประธานาธิบดีปูติน นั่นเอง ผู้นำประทศที่ก่อสงครามยูเครน จนสร้างความสั่นสะเทือน และน่าสะพรึง เกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศไปทั่วภูมิภาคยุโรป ณ ชั่วโมงนี้
โดยทาง “แกลลัพ” ระบุว่า ประธานาธิบดีปูติน ได้รับความไม่ชื่นชอบ หรือกระแสยี้ มากกว่าร้อยละ 90 ด้วยกัน หรือคิดเป็น 9 ใน 10 เลยทีเดียว ของประชาชนในภูมิภาคยุโรป ที่ไม่ชอบประธานาธิบดีปูติน อันเป็นผลสืบเนื่องจากสงครามยูเครนที่เขาเป็นผู้ก่อขึ้น ในฐานะผู้สั่งการให้ทหารรัสเซีย กรีธาทัพยกข้ามพรมแดนเข้ามารุกราน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) แม้ว่าผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่สงครามก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงอย่างใด สร้างผลกระทบไปทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป จนชาวยุโรปเกลียดชังด้วยตัวเลขการสำรวจอย่างที่เห็น
ทางด้านคะแนนนิยมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในระดับภูมิภาคโลก ปรากฏว่า ประชาชนในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคแอฟริกา ให้ความชื่นชอบต่อประธานาธิบดีจีนรายนี้ โดยถือว่าผู้นำที่มีภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งประธานาธิบดีสี ได้คะแนนนิยมไปถึงร้อยละ 58 แซงหน้าผู้นำคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีไบเดน ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ร้อยละ 56 ส่วนอันดับ 3 ตกเป็นของนายกรัฐมนตรีโชลซ์ ผู้นำเยอรมนีที่ได้ร้อยละ 54 และท้ายสุดประธานาธิบดีปูติน ได้คะแนนนิยมร้อยละ 42 ตามหลังหัวแถวกว่าสิบจุด
พร้อมกันนี้ ทาง “แกลลัพ” ยังเปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอิสราเอล และชาวปาเลสไตน์ ซึ่งกำลังมีประเด็นร้อนจากในเรื่องของ “สงครามอิสราเอล-ฮามาส” ในฉนวนกาซา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีไบเดน ได้รับความชื่นชอบจากประชาชนชาวอิสราเอลเป็นที่ร้อยละ 81 ส่วนในการสอบถามความคิดเห็นของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีไบเดน มีคะแนนนิยมดิ่งลงมาจากเดิมถึง 11 จุด อันเป็นผลสืบเนื่องจากประธานาธิบดีไบเดน สนับสนุนต่ออิสราเอล ในการทำสงครามที่กำลังมีขึ้นนี้
ขณะที่ การสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดน ยังคงมาเป็นอันดับ 1 ที่ร้อยละ 39 ทิ้งห่างนายกรัฐมนตรีโชลซ์ ของเยอรมนี ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 10 จุด โดยได้ไปเพียงร้อยละ 29 เท่านั้น