ฮ่องกง, 29 เมษายน 2567 – คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รหัสหลักทรัพย์: 1299) ประกาศผลประกอบการมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตขึ้นร้อยละ 31 รายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่ 1 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 นอกจากนี้ เอไอเอ ยังได้ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนโดยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนจากเดิม 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:
·มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 31 คิดเป็น 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ
·การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก ในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ
·อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 54.2
·เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 อยู่ที่ 2,449 ล้านเหรียญสหรัฐ
·ประกาศนโยบายบริหารเงินทุนเพื่อความชัดเจนขึ้นในการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
·เพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืนที่ดำเนินการอยู่อีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า
“มูลค่าธุรกิจใหม่อันแข็งแกร่งของเอไอเอเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้ถือหุ้นแสดงให้เห็นถึงพลังอันยั่งยืนของข้อได้เปรียบทางการแข่งขันและวินัยทางการเงินของเรา เราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ประจำไตรมาสเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1,327 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นเลขสองหลักในทุกส่วนรายงานทางธุรกิจ ซึ่งตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายของธุรกิจในเอไอเอ
“เรายังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนใหม่และชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นประจำปีสูงขึ้น โดยการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เมื่อพิจารณาถึงสถานะทางการเงินอันแข็งแกร่งของเอไอเอ รวมถึงความเชื่อมั่นของเราในการดำเนินงานและการเงินในอนาคต คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การดำเนินการเหล่านี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการคืนผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างเป็นระบบ ในขณะเดียวกันเรายังคงส่งมอบการเติบโตของธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยผลตอบแทนที่น่าดึงดูด
“ผลประกอบการในวันนี้แสดงให้เห็นว่าเอไอเอมีการวางกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และการดำเนินการอย่างสม่ำเสมอจะมอบผลลัพธ์ที่เหมาะสมสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดของเรา เป้าหมายของเรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างผลกำไรผ่านการดำเนินธุรกิจใหม่ ซึ่งจะสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดอนาคตทางการเงินของเอไอเอ ด้วยการส่งมอบรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เงินกองทุนส่วนเกินและมูลค่าผู้ถือหุ้นที่เพิ่มมากขึ้น”
นโยบายบริหารเงินทุนด้วยการเพิ่มมูลค่าโครงการซื้อหุ้นคืน
1.เรากำลังประกาศนโยบายบริหารเงินทุนที่จะมอบความชัดเจนยิ่งขึ้นในการคืนผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นผ่านวิธีการดังนี้:
2.เป้าหมายอัตราส่วนการจ่ายเงินที่ร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี (net FSG) คืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีผ่านการจ่ายเงินปันผลและการซื้อหุ้นคืน เริ่มตั้งแต่ผลประกอบการประจำปี 2567 ของเรา
นอกจากนี้ เราดำเนินการทบทวนสถานะเงินทุนและผลตอบแทนที่เกินความต้องการของเราอย่างสม่ำเสมอ
ในองค์ประกอบแรก นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความรอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเรานั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลปกติต่อหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี ยอดคงเหลือของเป้าหมายอัตราการจ่ายเงินร้อยละ 75 ต่อปี ของเงินกองทุนส่วนเกินประจำปี จะถูกคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นโดยการซื้อหุ้นคืนในแต่ละปี
เงินกองทุนส่วนเกินประจำปี คำนวณจากมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (UFSG) หักด้วยส่วนเกินที่ใช้เพื่อสนับสนุนธุรกิจใหม่ ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รับการจัดสรรจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ ต้นทุนทางการเงิน และการเคลื่อนไหวของเงินทุนอื่น ๆ ดังที่แสดงในรายงานผลประกอบการประจำปีของเราเพื่อความชัดเจนเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิจะถูกคำนวณก่อนที่จะมีผล กระทบกับผลต่างของผลตอบแทนการลงทุนและรายการอื่น ๆ ตามข้อมูลอ้างอิงเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยกตัวอย่างในการอธิบาย องค์ประกอบแรกของนโยบายการบริหารเงินทุนที่ได้รับการปรับปรุงจะสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 75 ของเงินกองทุนส่วนเกินสุทธิ ซึ่งประกอบด้วย 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจากเงินปันผลในปีงบประมาณ 2566 และ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐจากโครงการซื้อหุ้นคืน
สำหรับองค์ประกอบที่สองตามที่ได้มีการทบทวนสถานะเงินทุนของเรา คณะกรรมการบริหารได้อนุมัติการเพิ่มมูลค่าอีก 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการซื้อหุ้นคืนที่มีอยู่ของเรา ซึ่งจะเพิ่มยอดรวมเป็น 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โครงการซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมมูลค่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐมีเป้าหมายที่จะเริ่มโดยเร็วที่สุดและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 12 เดือน
ในขณะที่อัตราส่วนเกินของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) จะเป็นมาตรการหลักที่แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ตามกฎระเบียบของเราแต่เราเชื่อว่าเงินกองทุนส่วนเกินจะเป็นมุมมองต้นแบบที่ทำ ให้ผู้ถือหุ้นเห็นถึงสถานะเงินทุน เรากำลังให้คำแนะนำกว้าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระดับของเงินกองทุนส่วนเกินที่เราจะกำหนดเป้าหมายของกลุ่มบริษัทในอนาคตและเราจะดำเนินการตามมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมด ซึ่งประกอบ ด้วยเงินกองทุนส่วนเกิน อัตราหนี้สินระดับ Tier 2 ที่มีสิทธิ และเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมาย (ตามที่ใช้ในการคำนวณมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจู่) จากการประเมินความต้องการด้านเงินทุนสำหรับธุรกิจของเรา เราตั้งเป้าในมุมมองของผู้ถือหุ้นต่อทรัพยากรเงินทุนทั้งหมดเกินกว่าร้อยละ 200 ของเงินกองทุนที่ต้องดํารงตามกฎหมาย
สรุปผลประกอบการของธุรกิจใหม่ใน ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2567
ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราจับคู่สินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
หมายเหตุ:
1.การประกาศต่อนักวิเคราะห์และนักลงทุน โดยนายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีกำหนดในวันนี้เวลา 9.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ผ่านการถ่ายทอดสดทาง Webcast
สไลด์การนำเสนอจะพร้อมให้รับชมได้ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ในขณะที่สามารถรับชมการนำเสนอซ้ำพร้อมคำบรรยายได้ภายในวันนี้บนเว็บไซต์ของเอไอเอ:
http://www.aia.com/en/investor-relations/results-presentations.html
2.ข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการเงินทุนในประกาศนี้และในการนำเสนออาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อความที่คาดการณ์หรือระบุเหตุการณ์ แผนงาน หรือวัตถุประสงค์ในอนาคตของบริษัท โปรดใช้วิจารณญาณว่าปัจจัยหลายประการอาจส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลจริงหรือจำนวนการซื้อคืนหุ้นในปีใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายได้ เงินทุน และข้อกำหนดความสามารถในการชำระหนี้ที่แท้จริงของกลุ่มบริษัท ที่บังคับใช้กับกลุ่มบริษัท สภาพเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับข้อกำหนดที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ที่กำหนดให้กับบริษัทซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินการจัดการทุนต่าง ๆ รวมถึงการจัดการเหล่านั้นที่อ้างถึงในประกาศนี้ นอกจากนั้น การกำหนดจำนวนเงินปันผลในอนาคตหรือการซื้อหุ้นคืนจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่มีข้อความใดในประกาศนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการคาดการณ์ผลกำไรหรือบอกเป็นนัยว่ารายได้ของกลุ่มบริษัทจะต้องตรงกันหรือเกินกว่าเป้าหมายใด ๆ ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
3.ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2567 และ2566 ของเอไอเอ สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2567 และ 31 มีนาคม 2566 ตามลำดับ
4.ตัวเลขทั้งหมดจะแสดงในสกุลเงินที่รายงานตามจริง (ดอลลาร์สหรัฐ) และขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนจริงเว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงจะแสดงเป็นรายปีและขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่คำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยคงที่สำหรับปี 2567 และ 2566
5.สมมติฐานผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวที่ใช้ในเกณฑ์มูลค่าพื้นฐานของธุรกิจ สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567จะเหมือนกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่แสดงในข้อมูลมูลค่าพื้นฐานของธุรกิจเพิ่มเติมในรายงานประจำปี 2566 ของเรา สมมติฐานที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจที่ใช้ในเกณฑ์มูลค่าพื้นฐานของธุรกิจอ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ซึ่งได้รับการอัปเดตเพื่อสะท้อนถึงมุมมองล่าสุดของเอไอเอเกี่ยวกับประสบการณ์ที่คาดหวังในอนาคต
6.มูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทไม่รวมมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เป็นของส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
7.มูลค่าธุรกิจใหม่คำนวณตามสมมติฐาน ณ จุดขาย
มูลค่าธุรกิจใหม่รวมถึงธุรกิจบำนาญ อัตรากำไรของเบี้ยประภัยภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่ไม่รวมธุรกิจบำนาญและมีการรายงานก่อนหักส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม
8.เบี้ยประภัยรับปีแรกคิดเป็นร้อยละ 100 ของเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี และร้อยละ 10 ของเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียว ก่อนการเอาประกันภัยต่อ และไม่รวมธุรกิจบำนาญ
9.เบี้ยประกันภัยรับรวมประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยต่ออายุร้อยละ 100 เบี้ยประกันภัยปีแรกร้อยละ 100 และเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวร้อยละ 10 ก่อนการเอาประกันภัยต่อ
10.ในบริบทของส่วนงานที่รายงานของเรา ฮ่องกง หมายถึงการดำเนินงานในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (SAR) และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า สิงคโปร์ หมายถึงการดำเนินงานในสิงคโปร์และบรูไน และตลาดอื่น ๆ หมายถึงการดำเนินงานในออสเตรเลีย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน (จีน) และเวียดนาม
ฝ่ายการดำเนินงานที่จัดตั้งขึ้นของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ หมายถึงธุรกิจของเราในกรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น กวางตุ้ง และมณฑลเจียงซู สาขาใหม่ของเราในจีนแผ่นดินใหญ่ หมายถึงการดำเนินงานของเราในเทียนจิน เหอเป่ย เสฉวน หูเป่ย และเหอหนาน
11.เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับตลาดอื่น ๆ รวมผลการดำเนินงานจากการถือหุ้นร้อยละ 49 ของเราในบริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต จำกัด (Tata AIA Life) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก และมูลค่าธุรกิจใหม่ ไม่รวมเงินสนับสนุนใด ๆ จากการถือหุ้นร้อยละ 24.99 ของเราในบริษัท ไชน่า โพสต์ ประกันชีวิต จำกัด (China Post Life)
เพื่อความชัดเจน มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม ไม่ได้รวมการสนับสนุนใด ๆ จาก Tata AIA Life และ China Post Life
12. ผลการดำเนินงานของ Tata AIA Life นำมาบันทึกโดยใช้งวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ในผลการดำเนินงานรวมของเอไอเอสำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 และไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 ตามลำดับ
13.ทรัพยากรทุนกลุ่มที่เอไอเอมีสิทธิครอบครอง และข้อกำหนดด้านทุนที่กำหนดโดยกลุ่ม (GPCR) คำนวณตามวิธีรวมทุนท้องถิ่น (LCSM) ส่วนเกินของกลุ่ม LCSM หมายถึงส่วนเกินของทรัพยากรเงินทุนของกลุ่มที่มีสิทธิเหนือ GPCR