เมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ให้กำลังใจเพื่อนปานปรีย์” ระบุว่า ปานปรีย์เรียนนิติจุฬา 19 รุ่นเดียวกับผม แต่ไม่รู้จักกันเพราะผมเรียนปีเดียวและไม่ค่อยได้เข้าห้องเรียนเท่าไร มาเรียนร่วมชั้น ปปร. 4 ด้วยกันอีกทีเมื่อราว 20 ปีที่ผ่านมา
ผมมาจากสาย NGO ส่วนปานปรีย์มาจากสายการเมือง เราคุยกันแลกเปลี่ยนความเห็นกัน และยอมรับว่าเขาเป็นคนตรงและมีความรู้ความสามารถไม่น้อย
วันที่เขารับตำแหน่งรองนายกและรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ผมยังชมว่านี่คือคนที่เป็นหน้าเป็นตาของ ครม.ชุดนี้
ยิ่งทราบว่า ในตำแหน่งรองนายก เขากำกับดูแล กพ. กพร. สภาพัฒน์ ผมคิดในใจว่านี่แหละ put the right man to the right job เพราะปานปรีย์จบโทและเอก ด้าน Public Administration และรู้เรื่องระบบราชการเป็นอย่างดี
ในตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ผมแอบดูห่าง ๆ แต่ก็เห็นความทุ่มเทในการเจรจาต่างประเทศ แม้บางเรื่องอาจดูช้าไปบ้าง แต่เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่โผงผางมากหรือพูดเร็วไปไม่ได้
เมื่อมีข่าวว่า เขาจะถูกปรับเหลือตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างเดียว ผมยังคิดว่า น่าจะเป็นเรื่องที่คุยกันแล้วและน่าจะเป็นการดีที่ทุ่มเทอย่างเดียว
การตัดสินใจลาออกของปานปรีย์ น่าจะเป็นเรื่องของการไม่คุย ไม่ให้เกียรติ อยากตั้งก็ตั้ง อยากเอาออกก็เอาออก ซึ่งเขารับไม่ได้
การดำรง 2 ตำแหน่ง ไม่ได้ทำให้เขาได้เงินค่าตอบแทน 2 เท่าเหมือนที่บางคนเข้าใจผิด เพราะแม้จะมี 2 ตำแหน่งงานมากขึ้น 2 เท่า แต่ก็รับได้เพียงตำแหน่งเดียวที่เงินสูงกว่า คือ ตำแหน่งรองนายก ซึ่งเงินสูงกว่ารัฐมนตรี 4,000 กว่าบาทเท่านั้น
ปรับ ครม.ครั้งนี้ จึงดูเหมือนรัฐบาลจะขาดทุนมากขึ้น เพราะหน้าตาคนมาใหม่หลายคนประชาชนก็ส่ายหน้า ยิ่งปานปรีย์ลาออกอีก ยิ่งเสียโอกาสได้คนเก่งและทุ่มเทมาอยู่ใน ครม. เข้าใจและให้กำลังใจเพื่อนปานปรีย์ครับ
#สมชัยศรีสุทธิยากร #ปานปรีย์พหิทธานุกร #ปรับครม #ข่าววันนี้