หนุ่มบุรีรัมย์เพิ่งกลับจากไต้หวัน นอนจมกองเลือดหลังบ้านคอมีรอยถูกปาดหลอดลมหวิดขาดอาการโคม่า ในมือมีมีดทำครัว  และพบคัตเตอร์เปื้อนเลือดวางบนตู้ แม่ไม่เชื่อทำร้ายตัวเองเพราะไม่มีเหตุจูงใจ น่าจะหวังฆ่าชิงทรัพย์  เพราะสร้อยทองที่ใส่ประจำเกือบ 2 แสนบาท หายไป  วอน ตร.เร่งหาตัวผู้ก่อเหตุ

    (28 เม.ย.67)  นางสาวี   เจริญรัมย์  อายุ 53 ปี  แม่และญาติ ชาวตำบลเมืองไผ่  อ.กระสัง  จ.บุรีรัมย์  ต่างคาใจ  หลังจากนายสุเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี  ซึ่งเป็นลูกชายของนางสาวี  ที่เพิ่งกลับจากทำงานที่ประเทศไต้หวัน ได้เพียง 9 วัน   เพื่อนบ้านไปพบนอนจมกองเลือด อยู่บริเวณพื้นปูนหลังบ้านของตัวเอง   ในสภาพที่ถูกของมีคมปาดที่คอด้านหน้าจมหลอดลมเกือบขาดอาการโคม่า    โดยที่ในมือมีมีดทำครัว 1 เล่ม  และยังพบคัตเตอร์เปื้อนเลือดวางอยู่บนตู้ไม้ใกล้กับจุดที่ผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่อีก 1 เล่ม  เหตุเกิดเวลาประมาณ 05.43 น. ของวันที่ 26 เม.ย.67   แต่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เพราะผู้บาดเจ็บอาศัยอยู่บ้านหลังที่เกิดเหตุเพียงคนเดียว    เนื่องจากแม่และน้องสาวก็ทำงานอยู่ที่ไต้หวัน   

 

แต่หลังเกิดเหตุทางครอบครัวได้ไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด  ของบ้านเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน   โดยไทม์ไลน์จากภาพที่ปรากฏในวงจรปิดจะเห็นว่าช่วงเวลา 05.37 น. หรือเช้ามืดของวันที่ (26 เม.ย.67)  เห็นนายสุเดช   สวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงขาสั้นสีดำ เดินออกจากบ้านไปตามถนนในหมู่บ้านก่อนพ้นรัศมีกล้องไป    แล้วเวลา 05.38 น. พบนายสุเดช  เดินออกจากในซอยข้างบ้านที่มีวงจรปิด    จากนั้นวงจรปิดของบ้านอีกหลังใกล้กับก็พบภาพนายสุเดช   กึ่งเดินกึ่งวิ่งย้อนกลับมาทางบ้านตัวเองช่วงเวลา 05.41 น. โดยกล้องอีกตัวช่วงเวลาเดียวกันก็เห็นภาพนายสุเดช  เดินผ่านก่อนจะเดินลัดรั้วเข้าบ้านตัวเอง  แล้วเวลา 05.42 น.  วงจรปิดก็สามารถบันทึกเสียงดังคล้ายพยายามจะตะโกนดัง 5 – 6 ครั้ง  ซึ่งคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะเกิดเหตุ ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป   จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น   

 กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้านายจักร  เพื่อนบ้านซึ่งเคยมาเล่นกับนายสุเดช   ก็เดินมาหาที่บ้าน    แต่ไม่เห็นนายสุเดช   ออกไปนั่งที่เตียงหน้าบ้านช่วงตี 5 เหมือนทุกวัน  จึงตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจึงเดินไปดูหลังบ้านก็พบนายสุเดช   นอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่โดยที่มีมีดอยู่ใต้มือข้างขวา    จากนั้นนายจักร  จึงไปตามเพื่อนบ้านมาช่วย  ก่อนจะมีกู้ชีพมาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่ง รพ.กระสัง  ก่อนจะถูกส่งไป รพ.บุรีรัมย์  ล่าสุดยังอาการโคม่าเพราะถูกปาดจนหลอดลมเกือบขาด    

       

นางสาวี แม่ผู้บาดเจ็บ  บอกว่า ทั้งตนเอง  พร้อมด้วยลูกชายคนโต (ผู้บาดเจ็บ)  และลูกสาวคนเล็กทำงานอยู่ที่ไต้หวัน  โดยลูกชายทำได้ประมาณ 3 ปีก็กลับมาพักที่บ้านหลังเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.67  ตนกับน้องสาวยังมาส่งที่สนามบินไต้หวันอยู่เลย  ตอนที่ลูกชายมาอยู่บ้านก็โทรพูดคุยติดต่อกันทุกวัน  พอมีญาติโทรไปบอกว่าลูกชายถูกปาดคอ  ก็เดินทางจากไต้หวันทันที  ส่วนตัวเชื่อว่าลูกชายไม่ได้ทำร้ายตัวเองแน่นอน   เพราะไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่ลูกจะต้องคิดสั้น  แต่ตำรวจเหมือนจะพูดทำนองว่าลูกตนพยายามฆ่าตัวตายเอง   แต่ตนเชื่อว่าน่าจะมีคนพยายามฆ่าลูกเพื่อชิงทรัพย์มากกว่า  เพราะสร้อยทองที่ลูกเคยใส่ประจำซึ่งซื้อจากไต้หวันมูลค่าประมาณ 2 แสนบาทหายไปด้วย  ก็อยากให้ตำรวจทำการตรวจสอบให้ละเอียดอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าลูกปาดคอตัวเอง  แต่ตนก็ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัยและสามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

       ด้านนายทวี   (สงวนนามสกุล)อายุ 52 ปี เพื่อนบ้าน บอกว่า  นายจักร ซึ่งมาเห็นคนแรกได้วิ่งไปบอกตนว่า  ให้มาช่วยดูนายสุเดช  นอนจมกองเลือดอยู่  จึงรีบมาดูก็เห็นนอนตะแคงอยู่เลือดท่วมตัว  ตอนมาถึงนายสุเดช  ยังรู้สึกตัวอยู่ตนจึงพูดว่าไม่ต้องดิ้นเดี๋ยวไปเรียกกู้ภัยมาช่วย   จากนั้นก็ไปบอก อสม.ให้โทรแจ้งกู้ชีพ อบต.เมืองไผ่  มาช่วยพาส่ง รพ. แล้วขี่ จยย.ไปบอก ผญบ.ให้มาดู  ซึ่งตอนแรกตนคิดว่านายสุเดช  อาจจะถือมีดแล้วลื่นล้มโดนมีดบาดตัวเองหรือไม่  เพราะตอนนั้นยังไม่เห็นแผลเห็นแต่เลือด  แต่เห็นอีกทีตอนกู้ชีพมานำตัวส่ง รพ. จึงรู้ว่าโดนมีปาดที่คอแต่ไม่รู้ว่าทำร้ายตัวเองหรือโดนคนอื่นกระทำ

       ด้านนายเชิด   เพื่อนบ้านอีกคน  บอกว่า  นายสุเดช  เป็นคนนิสัยดีไปทำงานกับแม่และน้องสาวที่ไต้หวัน  เพิ่งจะกลับมาพักที่บ้านวันที่ 17 เม.ย.67   ก็ไม่เคยเห็นมีปัญหาหรือทะเลาะกับใคร  โดยวันที่ 22 เม.ย. นายสุเดช  ก็ยังเดินไปเล่นและนั่งดื่มกินกับตนเองที่บ้าน  ก็ไม่เห็นดูเครียดหรือผิดปกติอะไร  ก็ดูร่าเริงดี   และจากที่ดูไทม์ไลน์วงจรปิดนายสุเดช เดินออกจากบ้าน แล้วกลับเข้าบ้านเพียงไม่ถึงนาทีก็ได้ยินเสียงเหมือนจะตะโกนให้คนช่วย  แล้วไม่เห็นมีเหตุจูงใจที่เขาจะคิดสั้นเขาก็มีงานทำ มีเงินใช้ ไม่มีลูกเมีย   และหากจะฆ่าตัวตายทำไมจะใช้วิธีปาดคอ  ทำไมไม่ใช้วิธีอื่น ก็อยากให้ตำรวจสืบให้ละเอียดจะได้รู้ความจริง  

      ขณะพนักงานสอบสวน สภ.กระสัง อยู่ระหว่างสอบปากคำทั้งคนในครอบครัว  เพื่อนบ้าน และพยานแวดล้อม  พร้อมทั้งได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือที่เกิดเหตุ  เพื่อหาหลักฐานว่าเป็นการทำร้ายตัวเอง  หรือถูกผู้อื่นกระทำ