โปรดเกล้าฯ แล้วแต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 พิชัย ชุณหวชิร ควบรองนายกฯ- รมว.คลัง ส่วน เผ่าภูมินั่งเก้าอี้ รมช.คลัง ขณะที่ "สุชาติ"ผงาดรมช.พาณิชย์ สุดาวรรณสลับเก้าอี้เสริมศักดิ์ตามคาด ราเมศลั่นนายกฯ ต้องรับผิดชอบคุณสมบัติ รมต. ถุงขนม

     เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2566 แล้ว และแต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 1 กันยายน พุทธศักราช 2566 นั้น บัดนี้ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลว่า สมควรปรับปรุงรัฐมนตรีบางตำแหน่งเพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 
       
1.ให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี  นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน รมว.คลัง พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายเสริมศักด์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี นายชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณะสุข พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี
      
 2.ให้แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ นายสุริยะ จึงรุงเรืองกิจ เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งหนึ่ง  นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรมช.คลัง นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็นรมว.ต่างประเทศ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เป็นรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรมช.พาณิชย์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจ โกศล เป็นรมว.วัฒนธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรมว.สาธารณสุข ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2567 เป็นปีที่ 9 ในรัชกาลปัจจุบัน
     
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ว่าขอแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีใหม่ทุกคน ขอให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง หลายคนมีความเหมาะสมแต่ก็ต้องติดตามในภาคปฏิบัติว่าจะทำหน้าที่เพื่อตอบแทนพี่น้องประชาชนหรือตอบแทนใคร
    
 ในส่วนนายพิชิต ชื่นบาน ที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะนายกรัฐมนตรีทราบข้อเท็จจริงดีว่านายพิชิตมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติที่ต้องตีความอย่างแน่นอน คดีละเมิดอำนาจศาลกรณีถุงขนม 2 ล้านบาท ที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกและคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าไปดูรายละเอียดในคำพิพากษาศาลฎีกาจะเห็นพฤติกรรมทั้งหมดที่ศาลได้ชี้ให้เห็นถึงการกระทำ  ที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาล ยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนละ 6 เดือน 
    
 เรื่องทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน  มีหลักในรัฐธรรมนูญมาตรา 160 ว่า คนที่จะเป็นรัฐมนตรี จะต้อง(4)มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (5)ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีหลักที่ต้องพิจารณาว่า เรื่องราวทั้งหมดของนายพิชิตที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้นถือว่ามีความซื่อสัตย์ สุจริต หรือไม่ พฤติกรรมทั้งหมดที่ยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลฎีกานั้นถือว่ามีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่  และเชื่อว่าจะมีการยื่นตีความในเรื่องนี้อย่างแน่นอน และอย่าออกมาโต้ด้วยเหตุผลว่า มาตรา 98 มีคุณสมบัติครบ หรือใช้ข้ออ้างของ อ. วิษณุ ว่าคดีเกิน 10 ปี แล้ว เพราะประเด็นที่พูดกันอยู่คือ มาตรา 160 ที่มีเจตนารมณ์กำหนดความสำคัญของคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีโดยเฉพาะเรื่องจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริต สุดท้ายเรื่องนี้ผลเป็นเช่นใดนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    
 วันเดียวกัน ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ เขตบางพลัด  พรรคเสรีรวมไทยมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่1/ 2567  โดยมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมประชุมอย่าง พร้อมเพรียง ก่อนการประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้เราคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เพราะที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง เห็นได้ว่าประชาชนขายเสียงทั้งนั้นเลย ส่วนพรรคการเมืองก็ซื้อเสียง เราคงไม่ไปเข้ากระบวนการอะไรกับเขา เราจะยืนอยู่แบบนี้เลือกก็เลือกไม่เลือกเราก็ทำงาน แต่ถ้าเลือกเราก็จะทำงานให้ กรรมการบริหารพรรคก็มีลาออกบ้างคนสองคน
    
 สำหรับเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราอยากจะเพิ่มอีก แต่มันก็แย่ ยอมรับว่าลำบาก เพราะดูระบบสังคมไทยมันก็เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2562 ที่เวลาเลือกตั้งใหญ่ๆ เราสู้เขาไม่ไหวเพราะเงินเราไม่พอ แต่เวลาสู้เล็กๆ อย่างที่จ.ลำปางเราก็ชนะพลังประชารัฐได้
     
เมื่อถึงเวลาประชุม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวเปิดประชุมกับสมาชิกพรรค ช่วงหนึ่งว่า เหตุผลที่ตนส่งไม้ต่อให้กับนายมังกร ยนต์ตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย มาปฏิบัติหน้าที่แทน  ตนไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาแม้เลือกตั้งที่ผ่านมาตนได้มา 1 ที่นั่ง ทำให้หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงลาออกมา เพราะอุดมการณ์ของพรรคเราคือความซื่อสัตย์และเสียสละ เพราะฉะนั้นตนต้องปฏิบัติตามในการเสียสละ 
       
ถ้าผมยังเป็นก็ยังคงมีเงินเดือนแสนกว่าบาท มีผู้ช่วยคอยเดินตาม มีค่าเดินทาง ค่ารักษาการเจ็บป่วยพยาบาล มีนู้นมีนี่เยอะแยะ อย่างผมที่เป็น ส.ส.เมื่อปี62 หากเกษียณมาก็ยังรับบำนาญซึ่งเป็นภาษีของประชาชน ที่ลาออกก็ไม่เป็นไร ไม่รับก็ได้ให้คนอื่นเขาบ้าง พรรคจะได้อยู่ได้ ไม่เหมือนพรรคใหญ่เก่าแก่ในอดีตที่ยังไงกูก็จะเป็น แก่จนเดินไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาเลือกตั้งเขาก็ให้เกียรติเป็นเบอร์ต้นๆ หาเสียงก็ไม่ไปหาเสียง เพราะเดินไม่ไหว ถึงเวลาก็ได้เป็นเพราะเบอร์ต้น เบอร์หลังก็ไม่ได้เป็น ยังไงกูก็จะเป็นกูไม่ยอมลาออก เป็นมันทุกสมัย สงสัยจะทำสถิติโลกเป็นส.ส. 20 สมัย 30 สมัย พรรคก็เลยแตกไง ไม่มีใครเอาด้วยเป็นหมาหัวเน่า และก็สร้างภาพพจน์ว่าดีเหลือเกิน คนโง่ก็ไปหลงเชื่อว่าเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต มีอุดมการณ์ ทั้งที่จริงไม่มีเลย
     
เมื่อถามถึงการปรับคณะรัฐมนตรีมีการสลับเก้าอี้และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าต่างตอบแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็ดูแล้วว่าใครทำงานเป็นหรือไม่เป็น ไม่ใช่ทำงานแล้วไปนั่งหัวโต๊ะแล้วให้ข้าราชการทำงานไป จากนั้นเอาผลงานมาแถลงข่าว จะได้เรื่องอะไร เมื่อถามว่า การปรับครั้งนี้คิดว่าจะให้การทำงานของรัฐบาลดีขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะการจะปฏิรูปประเทศต้องพัฒนาคนและพัฒนาระบบ ตนเคยสอนไปแล้ว แต่รัฐบาลไม่ฟัง การบริหารประเทศชาติต้องมีอุดมการณ์ชาติ ขยันประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย ร่วมมือร่วมใจกัน ก็ยังไม่เข้าใจขณะเดียวกันก็ไม่ได้สอนให้คนขยัน แต่เอาเงินไปแจก เงินก็ไม่มีจะกู้ก็ไม่กล้ากู้ แต่ก็จะเอาเงินงบประมาณไปแจกซื้อเสียงอย่างเดียว แบบนี้ใช้ไม่ได้ ขณะที่ประชาชนรู้ว่าใช้ไม่ได้ แต่ก็กระสันจะรับเงินหมื่น ยอมให้เขาซื้อด้วยเงินหมื่น ครั้งหน้าเลือกตั้งก็ไปเลือกเขา นอกจากนี้ยังมองว่าไม่ควรแจกเด็ก 16 เพราะยังขอเงินพ่อแม่อยู่ ใช้เงินเป็นหรือเปล่า อาจเอาเงิน หมื่นไปเล่นเกม เล่นการพนัน