เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2567 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “ยอมเป็นลิเกหลงโรง” ดังนี้...

แม้ว่าผมและคนที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณ จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็ยังใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับระบอบทักษิณคืนชีพอยู่ต่อไป ทั้งที่รู้ว่า ตอนนี้อะไรเกิดขึ้นกับการเมืองไทย

การที่มาอ้างว่า “ทั้งๆที่เห็นกันอยู่จะๆโต้งๆว่าคนที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารและคนที่เป็นแกนนำในการล้ม และไล่คุณยิ่งลักษณ์ คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ก็อยู่ในพรรครวมไทยสร้างชาติและบางคนก็อยู่พลังประชารัฐ ปัจจุบันเขาเป็นรัฐบาลร่วมกัน”

เรื่องนี้สังคมรู้ดีเช่นเดียวกับผม แต่บางคนเหมือนน้ำท่วมปากไม่อยากพูด ผมขอพูดแทนมวลชนเหล่านี้ว่า เพราะผู้นำของแต่ละฝ่าย เขาจับมือ ฮั้วอำนาจได้แล้ว สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย จนลืมอุดมการณ์ที่เคยต่อสู้กันมา ไม่แคร์ความรู้สึกของมวลชน ที่สนับสนุนฝ่ายตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าชนชั้นนำฮั้วอำนาจกันได้แล้ว สมประโยชน์กันแล้ว มวลชนจะต้องปิดปากเงียบยอมรับโดยดุษฎีนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมวลชนส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ล้วนแล้วแต่เชื่อมั่นในจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเองทั้งสิ้น

การตั้งคำถามว่า “เขาเลิกด่าเลิกว่ากันแล้ว เขาปรองดองสมานฉันท์กันหมดแล้ว แล้วคุณเป็นใคร เป็นแค่เสี้ยวเล็กๆ เป็นธุลีน้อยๆ ยังจะหลงโรงกันอยู่อีกรึ?”

ผมขอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า มวลชนส่วนใหญ่รู้อยู่เต็มอก แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ผู้นำของแต่ละฝ่ายจะเลิกด่ากัน หันหน้ามาจูบปากกัน ก็เป็นเรื่องของเขา ผมยอมเป็นลิเกหลงโรง เป็นเม็ดกรวดในรองเท้าก็ยอม อย่างน้อยก็จะทำให้เกิดความรำคาญ ไม่ให้เดินไปได้อย่างสะดวกสบาย

ใครจะขายตัว ขายอุดมการณ์ ขายวิญญาณก็ทำไป แต่สำหรับผมยังมีจุดยืนต่อต้านระบอบทักษิณต่อไป อย่างไม่เปลี่ยนแปลง