สถานการณ์ความแห้งแล้งและสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้  ส่งผลกระทบกับแหล่งเพาะปลูกพืชผักในหลายพื้นที่จังหวัดผลผลิตออกน้อย  ทำให้ราคาแตงกวาในตลาดสดที่บุรีรัมย์พุ่งสูงถึง ก.ก.ละ 70 บาท แพงเป็นประวัติการณ์กว่าทุกปี   กระทบทั้งกับร้านค้าส่ง  ร้านขายปลีก และผู้บริโภค หลายคนไม่กล้าซื้อไปประกอบอาหารขายเพราะไม่คุ้มต้นทุน  
    

(26 เม.ย.67)   จากสถานการณ์ความแห้งแล้งและสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้  ก็ส่งผลกระทบกับแหล่งเพาะปลูกพืชผักในหลายพื้นที่จังหวัด   เพราะผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย   ทำให้ราคาแตงกวาซึ่งเป็นผักที่บรรดาร้านค้านิยมนำไปประกอบอาหารขายและประชาชนซื้อไปบริโภคในครัวเรือน  พุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งแพงเป็นประวัติการณ์กว่าทุกปีที่ผ่านมา    ทำให้ร้านค้ารวมถึงประชาชนหลายคนไม่กล้าที่จะซื้อไปประกอบอาหารหรือบริโภค   เพราะไม่คุ้มทุนและไม่มีกำลังซื้อ    จึงหันไปซื้อผักชนิดอื่นที่มีราคาถูกกว่าเพื่อประกอบอาหารแทน     
    

อย่างไรก็ตาม นอกจากราคาแตงกว่าที่แพงเป็นประวัติการณ์ในช่วงนี้   ก็ยังมีผักอีกหลายชนิดที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าปกติเช่นกัน  อาทิ  ผักชี  จากเดิมกิโลกรัมละ 140 บาท ช่วงนี้ก็ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 240 บาท   มะเขือเทศ   กระหล่ำปลี  และมะนาว ก็แพงขึ้นเท่านั้นเช่นกัน  
    

โดยแม่ค้า บอกว่า   ผักเกือบทุกชนิดจะรับมาจากตลาดค้าส่งที่ จ.นครราชสีมา   สวนสาเหตุที่ราคาแตงกวาแพงเป็นประวัติการณ์ในช่วงนี้  เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์ภัยแล้ง และอากาศที่ร้อนจัด  ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย  จากราคาแตงกวา และผักอีกหลายชนิดซึ่งก็กระทบกับทั้งร้านค้าส่ง  ค้าปลีก  และประชาชนผู้บริโภค   แต่ก็คาดหวังว่าหากเข้าฤดูฝนราคาพืชผักชนิดต่างๆ ก็คงจะปรับลดลง