นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า...

“จตุพร”มึน ปชช.ไม่รู้สึกรู้สาเลยเหรอ ที่เห็นภาพนักโทษโชว์กวนโอ๊ยสังคม นายกฯ ยังก้มไหว้ นัดหารือเคาะโผปรับ ครม. ซัดแสดงพฤติกรรมยิ่งใหญ่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ระวังสะสมอารมณ์เดือด ก่อแรงกระเพื่อม ประเทศจะเสียหายนาน 9 ปีโดยเปล่าประโยชน์อีก

เมื่อ 25 เม.ย. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไปคุยกับทักษิณ ชินวัตร ที่โรงแรมโรสวูดท่ามกลางกระแสปรับ ครม.นั้น เป็นการแสดงออกเพื่อกวนตีนสังคม เพราะคนสองคนจะไปคุยกันที่ไหนเป็นส่วนตัวไม่มีใครรู้ก็ได้ แต่มาแสดงให้สังคมเห็นคงประกาศศักดายิ่งใหญ่เบ็ดเสร็จแล้ว

อีกอย่าง เนื่องจากทักษิณ เป็นผู้ต้องโทษอยู่ระหว่างการพักโทษคดีทุจริต ซึ่งสารภาพยอมรับความผิดไปแล้ว ดังนั้น นายกฯ ควรรู้หลักครรลองคลองธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี อะไรพึงทำและไม่พึงกระทำ ถ้าคุยกันไม่ให้ใครรู้แล้วไม่เกิดภาพอุจาดของประเทศไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในวงกว้างกว่าจะไม่ดีกว่าเหรอ

"การไปคุยกันแบบประเจิดประเจ้อ ราวกับแสดงให้ดูเสมือนว่า วันนี้ประเทศนี้เบ็ดเสร็จแล้ว ไฟเขียวก็โล่ง ดังนั้นการแสดงออกแบบกวนตีนสังคมจะลากให้บ้านเมืองเดินสู่การล้มกระดานแล้วเดือดร้อนประเทศและประชาชน"

ส่วนการปรับ ครม.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า หลังการคุยที่โรงแรมโรสวูด ก็มีหลักคิดการปรับอีกแบบหนึ่ง โดยก่อนหน้านี้ปล่อยข่าวปรับใหญ่ แล้วมาเป็นปรับเล็ก แต่วันนี้เกิดปรับกลาง ดังนั้น เมื่อนายกฯ ไปหารือการปรับ ครม.กับนักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เราจะการปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ได้อย่างไร

"แล้วนายกฯ ใช้รถประจำตำแหน่งไปพบได้เหรอ หรือนายกฯส่วนท้องถิ่นทำไม่ได้ แต่นายกฯเศรษฐาทำได้ ปปช.ไม่คิดจะเตือนหรืออย่างไร เมื่อครั้งนี้ใช้รถประจำตำแหน่งไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว และยังไปกินข้าวเที่ยงกับคนยังไม่พ้นโทษ ยังหารือปรับ ครม.อีก ทำได้อย่างไรกัน แล้ว ปปช.ไม่รู้สึกรู้สาเลยเหรอ"

พร้อมกล่าวว่า การปรับ ครม.เป็นเรื่องของพรรครัฐบาล อีกอย่างสิ่งสำคัญพรรครัฐบาลไม่มีคนจริงอยู่แล้ว หากเป็นโผตามที่ระบุล่าสุดนั้น ชื่อที่ถูกปรับคนแรกคือ นายกฯ ในฐานะ รมว.คลัง ส่วนที่เหลือเป็นองค์ประกอบ เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากการดีลจนบ้านเมืองต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

นายจตุพร กล่าวว่า ครม.ชุดนี้อยู่ไม่นาน เมื่อทักษิณมีพฤติกรรมท้าทายอารมณ์ประชาชนที่กังขาอาการป่วยวิกฤตช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่รับโทษ หนีการติดคุก ก็ยิ่งโชว์พลังกวนตีนออกมายั่วยุประชาชน ดังนั้น จึงถามว่า คนในบ้านเมืองนี้ที่รู้สึกรู้สากันจะทนอยู่ในสภาพเช่นนี้กันหรือเปล่า ต้องทนเห็นนายกฯ คุกเข่าต่อหน้านักโทษระหว่างพักโทษอีกเหรอ

กรณีดิจิทัลวอลเล็ต นายจตุพร กล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังหาความจริงได้ยากมาก ยิ่งแบงก์ชาติออกมาค้าน และลุ้นการตีความของกฤษฎีกาอีก ดังนั้น เรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ และแสดงถึงนายกฯ และพรรคเพื่อไทยยังคิดไม่รอบคอบในการดำเนินการ ที่สำคัญ รมว.คลังที่มาใหม่ควรศึกษาอดีตข้าราชการคลังที่ติดคุกข้อหาทุจริตกรณีช่วยเหลือนักการเมืองด้วย

อีกทั้งกล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ที่การตัดสินใจในวันที่ 29 พ.ค. นี้ จะเป็นคำตอบทั้งหมด และจะเป็นแรงเหวี่ยงทางการเมืองหลากหลายรูปแบบ และจะเข้าสู่สถานการณ์ละเอียดยิบ ยังต้องลุ้นอีกว่า อัยการจะเลื่อนสั่งฟ้องอีกหรือไม่

"ถ้าสั่งไม่ฟ้อง แล้วอัยการคนเดิมที่สั่งฟ้องจะว่าอย่างไร แต่ถ้าสั่งฟ้องแล้ว หลักปัจจุบันเรื่องการประกันตัวจะว่าอย่้างไร ดังนั้นในแต่ละเรื่องที่เกี่ยวกับคดีทักษิณ โดนข้อหา 112 จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง”

นายจตุพร ย้ำถึงพฤติกรรมทักษิณที่กวนตีนอารมณ์สังคมว่า ถ้าเกรงใจประชาชน หรือเกรงใจกระบวนการยุติธรรมที่ย่อยยับไปแล้วบ้าง ยิ่งเงื่อนไขการพักโทษมาจากป่วยวิกฤต หนักรุนแรง ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่กลับมาอยู่บ้านเป็นคนละเรื่องกันเลย ออกจากบ้านปรากฎภาพให้เห็นไม่มีร่องรอยคนป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย”

"วันนี้ถ้าสังคมกระเพื่อมขึ้นมา ที่สำคัญกลัวกระดานการเมืองถูกล้มกันใหม่ และจะเสียเวลาเปล่าไปอีกแบบ 9 ปีหรือเปล่า โดยไม่ได้่ทำอะไรเลย ดังนั้น อหังการพฤติกรรมโชว์พาวกวนตีนสังคมเป็นการแสดงอย่างจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่ได้สะสมอารมณ์ความรู้สึกไม่พอใจของประชาชนไปกว้างขวาง"