“เศรษฐา” ควง “ภูมิธรรม” หม่ำข้าวมื้อเที่ยง “ทักษิณ” โรงแรมดังกลางกรุง คาดหารือปรับคณะรัฐมนตรีนานกว่า 1 ชม. “เกรียง-บิ๊กทิน”ยังเหนียว ขณะที่‘พิชัย ชุณหวชิร’ ลาออกจาก ’บางจาก-บอร์ด ตลท.‘ เตรียมขึ้นแท่น”รมว.คลัง” ส่วน“สุดารัตน์” แนะปรับ ครม.ให้ถูกคน 

ที่โรงแรมโรสวูด เพลินจิต เมื่อวันที่ 25 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เดินทางมารับประทานอาหารกลางวันกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังเสร็จสิ้นภารกิจช่วงเช้า ด้วยรถตู้เล็กซัส  ทะเบียน สร 30 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่ง

ขณะเดียวกับที่รถของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ติดตามมาด้วยในขบวน โดยมีรายงานว่ามาพบและรับประทานอาหารกลางวันกับนายทักษิณ ที่เดินทางมาถึงก่อนแล้ว ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยทางโรงแรมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าว จึงทำให้ผู้สื่อข่าวได้แต่ปักหลักคอยอยู่บริเวณฟุตบาทหน้าโรงแรมเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระแสข่าวการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 รายชื่อการปรับ ครม. เริ่มนิ่ง ซึ่งวันนี้ นายเศรษฐาจะพิจารณารายชื่อในภาพรวมทั้งหมดในส่วนรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย คาดว่ารัฐมนตรีที่จะหลุดจากตำแหน่ง อาทิเช่น   นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ,นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางพวงเพ็ชร  ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่วน นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย และนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ได้แรงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งเดิม
นอกจากนี้ ยังมีว่าที่รัฐมนตรีใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเพิ่มเติมคือ นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะมาเป็นรมว.คลัง ,นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง จะขยับเป็นรมช.คลัง เช่นเดียวกับ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเข้ามาเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์

สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลโผยังไม่ลงตัวที่ตำแหน่งของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตามรายงานระบุว่าขอเลื่อนการส่งรายชื่อภายใน 26 เม.ย.นี้ ขณะที่ มีรายงานล่าสุดว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการ ตลท. ได้ขอลาออกจากตำแหน่งเมื่อค่ำวานนี้ (24 เม.ย.) ซึ่งคาดว่าจะไปดำรงรมว.คลังตามที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรับประทานอาหารและพูดคุยระหว่างนายเศรษฐาและนายทักษิณ เสร็จสิ้นในเวลา 13.35 น. โดนนายเศรษฐา ได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูดพร้อมกับรถยนต์ของนายภูมิธรรม  โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนายเศรษฐาไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนแต่ประการใด และเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 13.47 น.
 
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แจ้งกับ ตลท.ว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการบริษัท ได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการบริษัท เนื่องจากมีภารกิจมาก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.67 เป็นต้นไป ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการสรรหาเพื่อแต่งตั้งกรรมการ และประธานกรรมการบริษัทใหม่ โดยบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไป

นอกจากนี้ จากข้อมูล เว็บไซต์ทางการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (set.or.th) พบว่า ไม่ปรากฏรายชื่อ นายพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อต้นเดือนก.พ.67 ในรายชื่อโครงสร้างแล้ว โดยนายพิชัยเป็นประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 18 แทน นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล และมีการคาดหมายกันว่าได้รับทาบทามให้ไปเป็นรมว.คลังคนใหม่

 ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย ทั้งการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคฯ เป็น นายชัชาวล แพทยาไทย ส.ส.ร้อยเอ็ด และดึงคนรุ่นใหม่เป็นกรรมการบริหารพรรคฯ ว่า พรรคตั้งใจให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงานให้กับพรรค เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลง และประเทศไทย ก็เหมือนต้องไต่เส้นลวด หากมีนโยบายที่ดี ก็สามารถต่อยอดคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจปากท้องประชาชนได้ แต่หากผิดพลาด ก็จะเสียหายทันที ดังนั้น คนรุ่นใหญ่ที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่มีความรู้ มีพรสวรรค์ จึงควรมาร่วมมือกัน และให้คนรุ่นใหม่มามีบทบาทนำตามคณะกรรมการชุดต่าง ๆ โดยที่มีคนรุ่นใหญ่ เป็นที่ปรึกษา พร้อมยืนยันว่า พรรคไทยสร้างไทย จะเป็นพรรคการเมืองที่ช่วยคนตัวเล็กที่มีรายได้น้อย และ SMEs

สำหรับการจัดการกับ ส.ส.งูเห่าภายในพรรคทั้ง นางสุภาพร สลับศรี ส.ส.ยโสธร, นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ส.ส.อุดรธานี และนายหรั่ง ธุระพล ส.ส.อุดรธานี ทั้งการสวนมติพรรค และยังปรากฏภาพไปร่วมต้อนรับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อครั้งเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวแจงว่า พรรคก็ได้ลงโทษ โดยจะไม่ให้สิทธิประโยชน์ในการเป็นกรรมาธิการฯ ต่าง ๆ และจะไม่ขับออกจากพรรค และจะขังไว้ภายในพรรคก่อน เพื่อไม่ให้เข้าทาง

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังได้กล่าวถึงการปรับครม. ว่า ที่ผ่านมายังมีเสียวิพากษ์วิจารณ์รัฐมนตรีปัจจุบันยังไม่ถูกฝาถูกตัว โดยขอให้นำบุคคลที่มีฝีมือมาทำงาน ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณ หรือเป็นนายทุน เป็นเก้าอี้เวียนทุก 6 เดือน แต่ควรตั้งบุคลที่มีความรู้ความเหมาะสม เพื่อลบข้อครหาว่า ”ทำไมรัฐบาลเพื่อไทย ทำไมผิดฟอร์ม” ที่เพราะนโยบายในอดีตคิดใหญ่ทำเป็น แต่ปัจจุบัน กลับกลายเป็นคิดไปทำไป หรือคิดแล้วทำไม่ได้ จึงขอให้กำลังใจ และแต่งตั้งบุคคลให้ถูกฝาถูกตัว

สำหรับตำแหน่งรมว.คลัง ที่นายเศรษฐาควบตำแหน่งอยู่นั้น เป็นตำแหน่งแรกที่น่าจะต้องปรับ เพราะนายกฯ ไม่มีเวลาที่จะมาติดตามภารกิจกระทรวงการคลัง เพราะนโยบายการคลัง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้น ดังนั้นจึงเป็นตำแหน่งแรก ที่ควรปรับนำบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงตำแหน่งรมว.กลาโหม ว่า ตำแหน่งดังกล่าว แทบจะไม่มีความหมาย เพราะไม่ว่าใครจะเป็นรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถแตะต้องทหารได้อยู่แล้ว หรือหากต้องการจะปฏิรูป ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลมีความกล้าหรือไม่ หากกล้า นายกฯ ก็นั่งควบ และปฏิรูปเลย เพื่อทำให้กองทัพดีขึ้น

ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการเลือกตั้ง สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ว่า พรรคสนับสนุนการเลือกตั้ง สว.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ขอให้ยึดหลักโปร่งใส ตรงไปตรงมา ยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายเข้าใจกฎเกณฑ์กติกา

โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีบางพรรคมีความพยายามจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในตัวผู้สมัครเพื่อให้เป็นที่เข้าใจว่าเป็นคนของของพรรคหรือมีพรรคการเมืองสนับสนุนถึงขนาดเดินสายสร้างความเข้าใจผิดๆให้กับประชาชน สุ่มเสี่ยงเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.กกต ก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะพรรคการเมืองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้มีความผิดตามกฎหมาย

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค ได้ย้ำในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชัดเจนว่า ผู้ดำรงแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค รวมไปถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสาขาพรรคตัวแทนพรรคประจำจังหวัด จะต้องไม่เข้าไปมีส่วนสนับสนุนผู้สมัคร สว. ไม่ช่วยหาเสียงหรือกระทำการใดๆที่ผิดกฎหมาย และบุคลากรของพรรคก็เช่นกันที่จะต้องไม่กระทำการในลักษณะที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าพรรคสนับสนุนบุคคลหนึ่งบุคคลใด

นายราเมศ กล่าวอีกว่า ประเด็นกระบวนการเลือกตั้ง สว.ก็เป็นอีกประเด็นที่พรรคได้เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อที่จะได้นำไปพิจารณาหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันหน้า เพื่อให้มีกระบวนการที่ดีมากกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน