“สมศักดิ์” ปัดตอบปมขยับนั่ง”รมว.สธ.” ยัน”นายกฯ- แพทองธาร” ไม่ส่งสัญญาณอะไร 'อนุทิน' ย้ำภูมิใจไทยไม่ขยับขออยู่ที่เดิม ด้าน"ชัยธวัช" บอกให้ฝ่ายกฎหมายยื่นศาลฯ ขอเวลาแจงคดียุบพรรคอีก 30 วัน เชื่อศาลจะขยายเวลาให้ ระบุมีรายละเอียด ยังต้องหาพยาน-ข้อกฎหมายอีกมาก ขณะที่ “ปปช.”เผยบัญชีทรัพย์สิน”บิ๊กป้อม” 87 ล้าน นาฬิกา 1 เรือน  แหวน 9 วง 

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 เม.ย.67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ว่า นายกฯเรียกมาสั่งข้อราชการ เป็นเรื่องงาน ที่เป็นเรื่องดี แต่รู้ว่าผู้สื่อข่าวจะถามอะไร ไม่มีเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะเรื่องนี้ได้กราบเรียนนายกฯไปแล้วตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.ว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยขอให้อยู่เหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯมีการส่งสัญญาณหรือไม่ว่าการปรับ ครม.จะเกิดขึ้นเมื่อไร นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เมื่อกราบเรียนแนวทางของเราแล้ว จึงอยู่ที่นายกฯ จะพิจารณา เมื่อถามว่า นายกฯระบุพรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันหากมีการปรับ ครม.ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร นายกฯได้พูดคุยรายละเอียดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้พูด และไม่ได้ถาม แต่ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยขอทำงานอยู่ที่เดิม และเราไม่มีสิทธิ์ไปถามว่าจะมีการย้ายของพรรคอื่นหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้หากจะมีการคุยต้องคุยกับหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค คุยรวมไม่ได้ เพราะหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคมีความรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง

เมื่อถามว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่มีทั้งส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ดี รัฐมนตรีในส่วนพรรคภูมิใจไทยเราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ขณะที่ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ขณะนี้มีความคุ้นเคยกันมากขึ้น โดยมอบหมายให้ดูแลเรื่องหมอกควัน เรื่องการเดินทางในช่วงสงกรานต์ ตอนนี้มอบให้ดูแลกรมการพัฒนาชุมชน ถือว่าทำงานกันเป็นทีมที่เข้าขากันดี
เมื่อถามย้ำว่า อยากให้ทีมนี้อยู่ต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อเราเป็นรัฐบาลก็อยากให้อยู่ทำงานร่วมกันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้ผ่านมาครึ่งปีความสัมพันธ์ทั้งหลาย นายกฯเรียกปุ๊บก็มาปั๊บ วันนี้ทั้งที่อยู่กระทรวงมหาดไทย เมื่อนายกฯเรียกมาสั่งการก็ต้องรีบ โชคดีคนขับรถอยู่ ไม่เช่นนั้นต้องนั่งตุ๊กตุ๊กมา

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุถึงกระแสข่าวการปรับครม. ที่จะไปนั่งรมว.สาธารณสุขและขณะนี้มีว่าที่รัฐมนตรีใหม่หลายคนเดินทางเข้ามากรอกเอกสารเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ว่า ตนก็ทราบมาจากสื่อว่ามีการส่งประวัติกันแล้ว แต่หากคนที่เป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว และจะมีการสับเปลี่ยนโยกย้าย ไม่จำเป็นต้องกรอกประวัติใหม่ แต่ไม่ทราบว่ามีการปรับเปลี่ยนมากน้อยอย่างไร ซึ่งทุกอย่างอยู่ที่นายกฯ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีการยืนยันแล้วหรือไม่ว่าจะไปนั่งกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ทราบจริงๆ และนายกฯ ก็ยังไม่ได้มีการแจ้งอะไร รวมไปถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้มีการส่งสัญญาณอะไร เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่มีกระแสข่าวว่ามีรายชื่อถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงหลังพูดคุยกันน้อยมากเรื่องการปรับเปลี่ยน เพราะได้รับข่าวสารมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องติดตาม เพื่อมาทำลายเวลาการทำงาน พร้อมย้ำว่าการปรับเปลี่ยนเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่ทราบ

เมื่อถามย้ำว่า หากจำเป็นต้องไปนั่งตำแหน่งรมว.สาธารณสุขจริง มีความพร้อมหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดอะไรตรงนี้ เราต้องให้เกียรติผู้บังคับบัญชา ที่เป็นผู้ตัดสินใจว่าใครจะไปทำอะไรอย่างไรเพราะฉะนั้นอย่าไปพูดว่าพร้อมหรือไม่พร้อม เพราะทุกคนเมื่อต้องทำหน้าที่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด 

“ผมไม่ทราบถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยว่าจะมีใครถูกปรับหรือเปลี่ยนบ้าง เรื่องนี้ไม่สามารถพูดได้เนื่องจากเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน โดยวันนี้ทุกคนต้องทำงานให้เต็มที่ อย่าเกียร์ว่าง”
เมื่อถามว่า เคยทำงานมากี่กระทรวงแล้ว นายสมศักดิ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ตนไม่ได้จำ และในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ตนเคยดำรงตำแหน่งมา 2 ครั้ง โดยครั้งแรก เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและครั้งที่ 2 เป็นรัฐมนตรีว่าการในสมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ พร้อมไม่ขอตอบว่า มีความพร้อมหรือไม่ หากได้ไปนั่งในตำแหน่งรมว.สาธารณสุข อีกครั้ง เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด

เมื่อถามว่า หากมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายจริง ยังห่วงงานเดิมที่ยังคั่งค้างอยู่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงอะไรคนอื่นเขาก็ทำได้ เพราะทุกคนมีความสามารถและตนไม่ได้ห่วงอะไรและเมื่อถามถึงบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ในห้วงที่มีกระแสข่าวการปรับครม.เป็นอย่างไรนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ข่าวออกมานานแล้วจึงไม่มีใครเป็นที่สังเกตและในการประชุมครม.ก็ไม่มีใครสอบถามนายกฯ แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ ในฐานะที่เป็นกลุ่มสามมิตร เนื่องจากมีกระแสข่าวถูกเขย่ามาโดยตลอด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก็เห็นว่าท่านสบายดี ส่วนที่ช่วงนี้มีการเคลื่อนไหวจากกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงจะเป็นแรงกระเพื่อมในการปรับคณะรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์ ปฏิเสธการตอบคำถาม พร้อมระบุว่า ขออย่าไปคิดแทนเขา

 นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง เปิดเผยกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านออกมาโจมตีการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า ถึงเวลานี้พรรคร่วมฝ่ายค้านควรคิดให้ดีว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 สมควรต้องแก้ไขหรือไม่ ถ้าคิดว่าสมควรจะแก้ก็ต้องแก้ประเด็นอื่นๆ เป็นประเด็นรอง ส่วนที่ออกมาโจมตีว่าแก้เพื่อคนโน้นคนนี้ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่งทั้งสิ้น แต่เป็นการแก้เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ติดกับดักรัฐธรรมนูญ

นายสมคิด กล่าวต่อว่า อยากถามไปยังพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าถ้าไม่แก้จะคงรัฐธรรมนูญ 60 ไว้อย่างนั้นหรือ หากพรรคฝ่ายค้านไม่ให้แก้จะได้ไม่แก้ ทั้งๆ ที่ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองต่างชูประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในการหาเสียง ดังนั้นการเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการที่ทุกพรรคการเมืองหาเสียงไว้ ส่วนจะทำประชามติกี่ครั้งเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไว้แล้วก็ต้องตามคำวินิจฉัยของศาล ทุกพรรคควรมาร่วมมือกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้

"ส่วนประเด็นการปรับครม.ที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มีแรงกระเพื่อมไม่มีคลื่นใต้น้ำแน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยผ่านการปรับครม.มาหลายครั้ง และมีการปรับคณะรัฐมนตรีทุกรัฐบาล การปรับครั้งนี้ให้คนเหมาะสมกับงาน เป็นอำนาจของท่านนายกฯ ดังนั้นมั่นใจว่า ส.ส.ในพรรคทุกคนพร้อมช่วยรัฐบาลแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างแน่นอน" นายสมคิด กล่าว

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคยื่นขอขยายเวลาส่งคำชี้แจงคดียุบพรรคกับศาลรัฐธรรมนูญเป็นครั้งที่สอง โดยขอระยะเวลาเพิ่มอีก 30 วัน ทั้งนี้คาดว่าจะทันการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ (24 เม.ย.) และศาลรัฐธรรมนูญจะให้ขยายเวลาเพิ่มเติมเนื่องจากคดีที่ร้องให้ยุบพรรคมีแง่มุมที่ต้องหาพยานหลักฐานเพื่อแก้ข้อกล่าวหา รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ก่อนหน้านั้นที่ให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำนั้นมีการแก้ไข ซึ่งต้องการอ่านอีกรอบอย่างละเอียดว่าแก้ไขในเรื่องใดบ้าง

“การให้ขยายเวลา 15 วัน ไม่เพียงพอ เพราะกระทบต่อพรรคอย่างร้ายแรงมาก ดังนั้นเขียนคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามีความละเอียด แสวงหาแง่มุมทางกฎหมาย พยานที่จะยินดีเป็นพยาน และข้อเท็จจริงโต้แย้งอย่างมากที่สุด ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญ ในกระบวนการยุติธรรมที่ดีควรเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง โดยเฉพาะคดีที่กล่าวหาถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ควรให้ผู้ถูกร้องต่อสู้กระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ทั้งนี้คดีดังกล่าวน้ำหนักบทลงโทษต่างจากคดีที่สั่งให้ยุติการกระทำ” นายชัยธวัช กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสที่มีข่าวส.ส.ของพรรค 30 คน เตรียมย้ายขั้ว หากพรรคถูกยุบ นายชัยธวัช กล่าวว่า สถานการณ์ไม่แย่เท่ากับพรรคอนาคตใหม่ เพราะส.ส.พรรคก้าวไกล รุ่นนี้ เข้าใจความต้องการและคาดหวังจากประชาชน ซึ่งต่างจากพรรคอนาคตใหม่แต่การทำงานให้เกียรติซึ่งกันและกัน และตนได้พูดกับสส.ในพรรคว่าอย่าสร้างความไม่ไว้วางใจหรือล่าแม่มด สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การคุยกันในทิศทางของพรรคร่วมกัน

วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายราย รายชื่อน่าสนใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีทุกสามปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ก.ค.65

พล.อ.ประวิตร แจ้งสถานะว่า “โสด” มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 87,841,457 บาท ได้แก่ เงินฝาก 40,480,965 บาท เงินลงทุน 6,530,991 บาท ที่ดิน 3 แปลง ที่ กทม. 2 แปลง จ.ปทุมธานี 1 แปลง รวม 17 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 25 แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา กทม. มูลค่า 10 ล้านบาท ยานพาหนะ 5 คัน 13.6 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 229,500 บาท มีหนี้สิน 757 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 
นอกจากนี้มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 2,348,316 บาท เป็นเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ 762,540 บาท เงินช่วยค่าครองชีพ 146,736 บาท เงินเดือนรองนายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) 893,040 บาท เงินประจำตำแหน่ง 546,000 บาท มิได้ระบุรายจ่ายต่อปี
 
สำหรับทรัพย์สินที่น่าสนใจยานพาหนะ 5 คัน รวมมูลค่า 13.6 ล้านบาทของ พล.อ.ประวิตร พบว่า เมื่อปี 2564 ได้รถยนต์ Jaguar รุ่น I-Pace AWD HSE 1 คัน ได้มา 28 มิ.ย.64 มูลค่า 4 ล้านบาท และปี 65 ได้รถยนต์ Mercedes Benz รุ่น V250d ได้มา 6 มิ.ย.65 มูลค่า 2.5 ล้านบาท

ส่วนทรัพย์สินอื่น แจ้งถือครองนาฬิกา TW STEEL 1 เรือน มิได้ระบุวันเดือนปีที่ได้มา มูลค่า 15,000 บาท มีแหวน 9 วง มิได้ระบุวันเดือนปีที่ได้มา รวมมูลค่า 132,000 บาท (มี 1 วง มิได้แจ้งมูลค่า) ปืน 3 กระบอก ยี่ห้อ Colt ได้มา 1 ก.ค. 46 มูลค่า 7,500 บาท ปืน Sig Sauer ได้มา 26 ธ.ค.46 มูลค่า 15,000 บาท ปืน Smith&Wesson ได้มา 15 พ.ย. 53 มูลค่า 60,000 บาท

อนึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร แจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ เมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 เขาแจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 89,214,637 บาท มีหนี้สิน 757 บาท