วันที่ 24 เม.ย.67 เวลา 13.30 น.ที่หอประชุมชัยจินดา ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย นายปิยะ ปิจนำ รอง ผวจ.บุรีรัมย์ , นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภ.3 , พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ , พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ , พล.ต.สันทัด จันทน์มาลา ผบ.มทบ.26 และ พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ จับกุมคดียาเสพติด ตามยุทธการ ‘พิฆาตทรชนคนค้ายาอีสานใต้’ ซึ่งเป็นการบูรณาการกำลังร่วมกันระหว่าง ตำรว ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส. ,ชปส.ร้อย ตชด.215, ชปส.ร้อย ตชด. 216, เจ้าหน้าที่ทหาร ขกท.ศปก.ทบ.(นฝด.22, ขกท.กกล.สุรนารี), สขว.กอ.รมน., ฉก.กรม ทพ.26 ,ฝ่ายการข่าว ร.23 พัน 4 , ฝ่ายปกครอง สตึก ,ฝ่ายปกครอง อ.บ้านด่าน และ สภ.แคนดง ที่สามารถจับกุมทีมขนลำเลียงยาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 2 คน เป็นชายไทย 1 คน กับแฟนสาวชาวลาว 1 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 461 มัด หรือจำนวนประมาณ 922,000 เม็ด และตรวจยึดรถยนต์เก๋งอีก จำนวน 1 คัน มูลค่าประมาณ 800,000 บาท ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ได้ทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 50 มัด หรือจำนวน 100,000 เม็ด เมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 ที่ผ่านมานั้น ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประสานข้อมูล และเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของแก๊งดังกล่าวมาเป็นระยะ และจากการสืบสวนหาข่าวทราบว่า ทีมขนลำเลียงยาเสพติด ได้ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส กับรถยนต์เก๋งยี่ฮ้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส ในการขนลำเลียงยาเสพติดมากระจายในหลายจังหวัดของภาคอีสาน รวมถึงพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
ต่อมาช่วงค่ำวันที่ 21 เม.ย.67 คาบเกี่ยววันที่ 22 เม.ย.67 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบรถยนต์ต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ขับเข้ามาในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางกำลังสะกดรอยติดตาม กระทั่งพบรถยนต์ทั้ง 2 คัน ขับเข้าพื้นที่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และขับเข้ามาในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงร่วมกันออกตรวจสอบ และทำการสกัดจับกุม ระหว่างนั้นรถทั้ง 2 คัน รู้ว่าถูกติดตามและไหวตัวทัน จึงได้ขับรถหลบหนีออกไปตามเส้นทางของหมู่บ้านต่างๆ พร้อมกับโยนยาบ้าที่บรรจุอยู่ในถุงปุ๋ยจำนวนหลายถุง ทิ้งออกจากตัวรถยนต์ตามเส้นทางที่ขับหลบหนี ทำให้ถุงปุ๋ยบางถุงแตก และมีห่อยาบ้าตกกระจายตามพื้นถนนหลายจุด ก่อนที่รถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ส จะสามารถขับหลบหนีหลุดการติดตามเจ้าหน้าที่ไปได้ 1 คัน พร้อมแบ่งกำลังกันไล่ล่า และแบ่งกำลังตามตรวจยึดยาบ้าที่ตกอยู่ตามเส้นทางขับหลบหนี จำนวน 7 จุด ตามเส้นทางการหลบหนีในพื้นที่ ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์
ส่วนรถยนต์เก๋ง โตโยต้า อัลติส อีกคัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ขับไล่ล่าติดตามไป พบขับหลบหนีไปทาง อ.แคนดง มุ่งหน้าทาง อ.คูเมือง ก่อนจะวกรถกลับมาทาง อ.แคนดง เพื่อมุ่งหน้ามาทางตัว อ.สตึก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่ขับติดตามไป จึงได้ประสานให้ชุดจับกุมที่เหลือ พร้อมกับตำรวจสายตรวจ สภ.แคนดง ทำการปิดถนนเส้นทาง อ.แคนดง-อ.สตึก บริเวณบ้านดงพลอง ต.ดงพลอง อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ จึงสามารถสัดจับกุมรถยนต์เก๋ง โตโตย้า อัลติส คันดังกล่าวไว้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบในรถพบ นายบุญเทียน อายุ 40 ปี อดีตสมาชิก อบต.ในอ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ เป็นคนขับ และมี น.ส.ไลพอน อายุ 30 ปี ชาวลาว ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายบุญเทียน นั่งมาด้านด้วยกัน ก่อนจะควบคุมตัวทั้ง 2 คน มาทำการชี้จุดตรวจยึดยาบ้าดังกล่าวทั้ง 7 จุด
โดยจุดแรก ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 24 มัด หรือประมาณ 48,000 เม็ด ,จุดที่ 2 จำนวน 20 มัด หรือประมาณ 40,000 เม็ด ,จุดที่ 3 จำนวน 38 มัด หรือประมาณ 76,000 เม็ด,จุดที่ 4 จำนวน 40 มัด หรือประมาณ 80,000 เม็ด ,จุดที่ 5 จำนวน 103 มัด หรือประมาณ 206,000 เม็ด ,จุดที่ 6 จำนวน 91 มัด หรือประมาณ 182,000 เม็ดและจุดที่ 7 จำนวน 44 มัด หรือประมาณ 88,000 เม็ด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะยังมียาบ้าหลงเหลืออยู่อีก จึงได้ออกตรวจสอบในช่วงเช้าของวันที่ 22 เม.ย.67 และพบอีก 2 จุด รวมเป็น 9 จุด คือจุดที่ 8 จำนวน 50 มัด หรือประมาณ 100,000 เม็ด และจุดที่ 9 อีก 51 มัด หรือประมาณ 102,000 เม็ด รวมยาบ้าที่ตรวจยึดได้ทั้งสิ้น 461 มัด หรือจำนวนประมาณ 922,000 เม็ด
สอบถามทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่า พวกตนได้ร่วมกันกับ นายเนริมิตร และนายเบิ้ม ที่หลบหนีไปได้ และเป็นคนขับขี่รถยนต์เก๋งฮอนด้าแจ๊ส ร่วมกันนำยาบ้ามาส่งให้กับลูกค้าตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งครั้งนี้นำมาจำนวนประมาณ 790 มัด หรือประมาณ 1,580,000 เม็ด โดยได้นำไปวางให้กับลูกค้าบางส่วนแล้วในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 100 มัด หรือจำนวน 200,000 เม็ด และ จ.มหาสารคาม อีกจำนวน 100 มัด หรือจำนวน 200,000 เม็ด ส่วนที่เหลือตั้งใจจะนำมาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ จากนั้นจะไล่ทยอยวางให้กับลูกค้าในพื้นที่อำเภอและจังหวัดต่างๆทางภาคอีสาน แต่พอขับเข้ามาในพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทราบว่ามีรถเจ้าหน้าที่ขับสะกดรอยติดตามมา พวกตนจึงขับรถแยกย้ายกันหลบหนี และตนจึงได้โทรศัพท์บอกให้รถอีกคันโยนยาบ้าทิ้งระหว่างทาง เพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามทัน ซึ่งรถยนต์อีกคันสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนรถของตนกลับมาถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับกุมได้ในเวลาต่อมา
ด้านนายบุญเทียน ให้การด้วยว่า ตนเคยเป็นอดีตสมาชิก อบต.ในอ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ และได้หมดวาระออกมา จึงตัดสินใจไม่ลงเล่นการเมืองต่อ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เป็นภาษีสังคมสูง จึงออกมาทำธุรกิจกล้ายางพารา แต่ทำไปทำมาเจ๊ง จึงตัดสินใจมาขายยาบ้า โดยได้ทำมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งจะไปรับเอายาบ้ามาไม่น้อยกว่า 800-1,000 มัด หรือจำนวน 1,600,000-2,000,000 เม็ด เพื่อมาส่งให้กับลูกค้าตามรายการที่ได้มีการสั่งซื้อล่วงหน้าไว้แล้วกับชาวลาว ซึ่งตนจะได้รับค่าจ้างในการขนลำเลียงมาส่งลูกค้ามัดละ 300 บาท ส่วนเงินค่าจ้างชาวลาวจะทยอยจ่ายให้ภายหลัง ทุกครั้งที่นำยาบ้าไปวางให้ลูกค้าครบทุกเจ้า
ส่วน พล.ต.ท.ฐากูร นัทธีศรี ผบช.ภ.3 กล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดในครั้งนี้เป็นการสืบสวนขยายผลข้อมูลจากโครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืนในตำบลแพร่ระบาดยาเสพติด สูงสุด 100 ตำบล ในพื้นที่ สภ.ประโคนชัย ที่ก่อนหน้านี้ช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ถึง 50 มัด หรือจำนวน 100,000 เม็ด และได้มีการบูรณาการกำลังร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่องของ ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ และเจ้าหน้าที่สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ปปส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประสานข้อมูล และเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของแก๊งดังกล่าวมาเป็นระยะ กระทั่งสามารถขยายผลการจับกุมขบวนการขนลำเลียงยาเสพติดรายนี้ได้ ซึ่งถือเป็นรายสำคัญ และเป็นการจับกุมที่มีจำนวนยาบ้ามากที่สุด ที่เคยมีการจับกุมมาในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกนาย
พร้อมกันนี้ ผบช.ภ.3 ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายได้ปฎิบัติหน้าที่ โดยยึดหลักความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายที่จะทำให้เกิดความสูญเสียทั้งในร่างกายชีวิตและทรัพย์สิน