จากกรณีที่มีการโพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร สภ.เมืองขอนแก่น ทำการตั้งด่านตรวจกวดขันวินัยจราจร ในพื้นที่เขตเทศบาลนครขอนแก่น  ก่อนจะมีการเสนอลดค่าปรับให้กับผู้ที่ถูกจับด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.มธุรส  เพื่อแลกกับการไม่ต้องไปจ่ายค่าปรับที่ สภ.เมืองขอนแก่น แบบเต็มจำนวน พร้อมข้อความระบุว่า  “เจอจับ..จ่ายจบ..!!! โดนจับ ค่าปรับเข้ากระเป๋าใคร!! จร.ขี่ตามจับรถออกใบสั่งปรับ 2,000 ถ้าไม่มีเงินจ่าย เอารถไปโรงพัก จ่ายค่าปรับตอนนี้ เหลือ 1,000 เข้า บช. พร้อมเพย์ ชื่อ มธุรส โอนจ่ายไม่มีใบเสร็จ โอนเสร็จปล่อยกลับ ยอมจ่ายค่าปรับ แต่ตรวจสอบได้มั๊ยว่าเงินเข้า บช. ใคร" ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 23 เม.ย.2567 อเวลา 16.00 น. ที่งานจราจร สภ.เมืองขอนแก่น น.ส.มธุรส  อายุ 31 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ เดินทางเข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ สภ.เมืองขอนแก่นแต่งตั้งขึ้น  โดยเดินทางมากับบิดา และให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็จะเดินทางกลับ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

จากนั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ทำการสอบสวน ดต.ศรชัย ฝ่ายงานจราจร สภ.เมืองขอนแก่น ต่ออีกประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนที่ดต.ศรชัยจะเดินทางกลับโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเช่นกัน

ด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีของดาบศรชัยนั้นโดยเริ่มจากคณะกรรมการฯได้สอบสวนประชาชน 3 ราย ที่ได้ทำการโอนจ่ายค่าปรับในบัญชี ที่ดาบศ.ให้ไป  รายละ 1,000 บาทจำนวน 2 ราย และ 500 บาท 1 ราย  

การตรวจสอบข้อเท็จจริองของคณะกรรมฯยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยวันนี้มีผู้เสียหาย 3 คนมาพบกับคณะกรรมการให้การตรงกันว่า โอนเงินเป็นเงินค่าปรับไปยังบัญชี น.ส.มธุรส ยืนยันว่าได้ให้จริงตามที่ปรากฎในข่าว

 ส่วน ดต.ศ.ให้การภาคเสธ รับว่าได้รับโอนจากทั้ง 3 คนจริง แต่เป็นการฝากจ่ายค่าปรับ ซึ่งในทางการสอบสวนทางผู้ถูกร้องจะให้การอย่างใดก็ได้ แต่ในหลักการไม่สามารถทำได้ และพบว่ามีมูลความผิดจริง เข้าข่ายความผิดในมาตรา 157 และ 149 โทษสูงสุดคือให้ออกและไล่ออกจากราชการ เมื่อการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันนี้แล้วเสร็จ ก็จะสรุปผลการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายงานส่งผลไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ลงความเห็นเอาผิดทางวินัยได้ทันที ส่วนทางอาญานั้น ภายหลังพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องก็จะส่งเรื่องต่อไปยังป.ป.ช. เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ จะมีความผิดในส่วนของอาญามาตรา 157 และ 149 เรียกรับผลประโยชน์ เมื่อพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องแล้วก็จะส่งต่อไปยัง ป.ป.ช. เนื่องจากไม่มีอำนาจสอบสวนได้เอง เว้นแต่ทาง ป.ป.ช.จะมอบอำนาจให้ทางตำรวจเป็นผู้สอบสวน

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ยศวัจน์ กล่าวต่ออีกว่า ด้านน.ส.มธุรส  ในการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในส่วนใดบ้างหรือไม่ มีความผิดเกี่ยวกับบัญชีม้าหรือไม่ ซึ่งจะต้องรอผลการสอบสวนอีกครั้ง และในเรื่องของการโอนเงินค่าปรับนั้น จะต้องโอนเข้าบัญชีของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากพบการกระทำดังกล่าว ให้ประชาชนสันนิษฐานได้ก่อนว่าเป็นการกระทำความผิด ให้ปฏิเสธการจ่าย แล้วเข้ามาจ่ายที่สถานีตำรวจใกล้ที่เกิดเหตุทั้งนี้อยากจะให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ หากเห็นการกระทำความผิดก็พร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด