วันที่ 23 เม.ย. 67  เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่สำนักงานสส.พรรคก้าวไกล เขต 7 นนทบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายสิรภัทร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อาชีพค้าขาย พร้อมด้วยแม่ คือน.ส.อัญชลีย์ หรือป้าปุ๊ก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี (ผู้เสียหาย) เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือส.ส.ทนายโป้ง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ว่าเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 เวลา 10.00 น. ป้าปุ๊กกลับจากไปซื้อข้าวที่ตลาด มาถึงบ้านพักเลขที่ 43/7 หมู่ 3 ต.ขุนศรี อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ทราบภายหลังว่าหัวหน้าชุดจับกุม คือพ.ต.ท.เรวัต สุริยะ สว.สส.สภ.ไทรน้อย พร้อมตำรวจชุดสืบสวนกว่า 15 คน ได้บุกเข้ามาตรวจค้นป้าปุ๊ก ซึ่งไม่ได้แสดงเอกสารเข้าจับกุม และตรวจค้น โดยอ้างว่ามาจาก ป.ป.ส. ตลอดเวลา แต่เมื่อถามถึงหลักฐาน ได้โชว์บัตรที่ระบุว่าเป็นสังกัด สภ.ไทรน้อย เท่านั้น

อีกทั้งยังมีผู้หญิงที่อ้างเป็นตำรวจขอทำการตรวจค้นและให้ป้าปุ๊กแก้ผ้าอยู่หน้าบ้าน และตรวจค้นภายในโดยใช้นิ้วล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศของป้าปุ๊ก ระหว่างการตรวจค้นนั้นได้มีตำรวจคนหนึ่ง ถือวิสาสะยึดกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ไป และตรวจค้นรถมอเตอร์ไซด์ทั้งหมด และหนึ่งใน 15 คนนั้น จะบุกเข้ามาทำร้ายลูกชายของป้าปุ๊ก ซึ่งผลการตรวจค้นจับกุมไม่พบยาเสพติด และสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งป้าปุ๊ก (ผู้เสียหาย) และลูกชาย เห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นจับกุม ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับแห่งกฎหมาย

เบื้องต้นผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนสภ.ไทรน้อย ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทั้งหมด 15 นาย ในข้อหา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาร่วมกันบุกรุก

ด้าน นายสิรภัทร (ลูกชายผู้เสียหาย) กล่าวว่ากล่าวว่า เหตุเกิดวันที่ 20 เม.ย. แม่ของตนไปตลาด ขี่รถจยย.กลับมา บ้านมีชายประมาณ 15 คน อ้างเป็นชุดสืบสวนเข้ามาชาร์จแม่ของตน ดันตัวแม่เข้าไปในบ้าน แม่ของตนกับยายโวยวาย ตนอยู่ชั้น 2 ของบ้านเลยวิ่งลงมาดูแล้วถามถึงหมายค้น แต่ทางชุดสืบสวนไม่แสดงหมายค้น อ้างตัวเป็นป.ป.ส. บอกว่าอย่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ พอตนถามถึงหมายค้นก็จะเอาบัตรออกมา แต่ไม่ยอมแสดงหมาย และไม่มีบัตรป.ป.ส.เลยสักคนเดียว มีแต่แสดงบัตรของตำรวจสังกัดภูธร ภาค 1 ตอนเข้ามาจับแม่ตน กดไหล่ให้นั่งลงกลางบ้าน แล้วล้อมวงประมาณ 9 นาย ที่เหลือคุมเชิงอยู่นอกบ้าน พยายามจะรื้อค้นในบ้าน แต่ตนกันไว้บางส่วน คำถามจุดประสงค์ว่ามาทำอะไรบอกว่ามาค้นแม่ ตนเลยถามว่าใครเป็นหัวหน้าชุด ขอแค่ให้หัวหน้าชุดเข้ามาบางส่วน ตรวจค้นแม่ของตน

หลังจากนั้นค้นกระเป๋าของแม่ แล้วบอกว่าให้รอตำรวจหญิง ผ่านไปประมาณกว่า 10 นาที ตำรวจหญิงเข้ามาตนเลยขอดูบัตรประจำตัวของตำรวจหญิง ที่ใส่สายเดี่ยวด้านใน สวมเสื้อแจ็คเก็ตคลุม และใส่กางเกงยีนส์ ตนเลยพยายามให้ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก เพื่อเซฟตัวเองก่อนจะเข้ามาตรวจค้นแม่ ซึ่งปกติตนกับแม่ทำอาชีพค้าขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่ามีข้อมูลว่าแม่ของตนพัวพันกับยาเสพติด ซึ่งจนตกใจมากว่าเอาข้อมูลมาจากไหน

:7j'ตนรู้สึกกลัววันนี้จึงได้เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากส.ส.ทนายโป้ง อยากให้ชุดสืบสวนออกมารับผิดชอบ ว่าการเข้ามาตรวจค้นบ้านประชาชนโดยที่มีบัตรประจำตัวอย่างเดียว ไม่มีหมายค้น สามารถทำได้ด้วยหรือ วิธีการของตำรวจมันผิดตามขั้นตอนของกฎหมาย ทำให้พวกตนเสียเวลา ตนต้องมาแจ้งความ ต้องมาสอบปากคำ ต้องเสียเวลาในการทำมาหากิน อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ เพราะว่าตนกับแม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวอ้าง หลังจากนี้อยากให้เป็นขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนของตำรวจที่มีการหมิ่นประมาท ยั่วยุให้ตนบันดาลโทสะ อยากให้สส.ทนายโป้งช่วยดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อปกป้องครอบครัวของตน ส่วนสาเหตุที่คาดว่าตำรวจคิดว่าแม่ของตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เนื่องจากเพื่อนของพ่อตนที่บ้านอยู่ห่างไป 2 กม. ร่างกายไม่แข็งแรง มีลูกชายพัวพันกับยาเสพติดและเคยติดคุก ตนกับแม่สงสารเลยเข้าไปเยี่ยม ซื้อข้าวซื้อน้ำไปฝาก หรือบางครั้งก็เคยเข้าไปดูแล เช็ดตัวให้ด้วย คาดว่าอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้

ขณะที่ น.ส.อัญชลีย์ หรือป้าปุ๊ก อายุ 61 ปี (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ตนรู้สึกอับอาย เพราะว่าทุกคนเห็นตอนตำรวจหญิงตรวจค้น ตรวจต่อหน้าสาธารณชน เปิดเสื้อของตนออกเห็นหน้าอก และรูปคลำทุกส่วนของร่างกาย ตอนตรวจค้นได้จับอวัยวะเพศ จับก้น คิดไม่ถึงว่าจะล้วงไปตรงนั้น ไม่ได้ใส่ถุงมือ ตนรู้สึกเจ็บตรงอวัยวะเพศ หลังจากนั้นมาบอกขอโทษตนแล้วก็กลับไป ซึ่งไม่ได้พบยาเสพติดในตัว มาบอกกับตนว่าตามมาตั้งแต่ที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตรวจค้นในบ้าน 3 ครั้ง แต่ก็ไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมายอะไร

โดย ทนายโป้ง กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลและทางผู้เสียหายได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน และภาพจากที่อื่นมาประกอบกัน ทางผู้เสียหายไม่สบายใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดสืบสวนสภ.ไทรน้อยที่เข้ามาค้นในบ้านแล้วมาจับเนื้อต้องตัวแม่ ตรวจค้นภายในและจับอวัยวะเพศของแม่ผู้เสียหาย และอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.มีอำนาจ ไม่ต้องมีหมายค้น อันนี้ใช่ แต่เหตุที่จะค้นได้ต้องมีข้อยกเว้นไม่ใช่เป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. จะค้นโดยไม่มีหมายค้นได้ ต้องมีเหตุที่ไม่อาจสามารถรอหมายศาลได้ ถ้าพฤติกรรมของคดีไม่สามารถรอหมายศาลได้ถึงจะเข้าไปค้นได้ โดยที่ไม่ต้องมีหมายศาล แต่เท่าจากที่ดูวันเวลา ดูจากข้อมูลและข้อเท็จจริง พฤติกรรมของคดีถึงแม้เป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ก็สามารถที่จะรอหมายศาลได้ เพราะเหตุดังกล่าวไม่ได้เป็นเหตุอุกฉกรรจ์ สิ่งที่ผู้เสียหายไม่สบายใจ เรื่องที่ 2 คือ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากไปแจ้งความพนักงานสอบสวนพูดจาไม่ดี

ซึ่งทางผู้เสียหายมีอคติอยู่แล้ว ประกอบกับพฤติกรรมของพนักงานสอบสวนที่มียศน้อยกว่าคนที่ไปตรวจค้น ทำให้รู้สึกว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ผู้เสียหายจึงได้มาร้องเรียนที่ตน ตนเองในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร จะติดตามเรื่องนี้ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย แม้กระทั่งฝ่ายตำรวจเองที่มาปฏิบัติการ อาจจะมาทำตามหน้าที่แต่อาจจะผิดพลาดหรือบกพร่อง ไม่ครบถ้วนในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เกิดความขัดแย้งกันระหว่างประชาชนกับตำรวจ ที่ตนมองพนักงานชุดสืบสวนชุดนี้ ดูแล้วอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะผิดพลาดหรือบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะ 1.ประกาศกับผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.แต่ไม่ได้แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ให้เห็น รูปที่ผู้เสียหายได้ถ่ายไว้กลับเป็นบัตรตำรวจสังกัดตำรวจภูธร ภาค 1 ถ้าไม่มีบัตรเจ้าหน้าที่ป.ป.ส .ไม่สามารถเข้าไปค้นโดยไม่มีหมายค้น เลขาฯของเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.เคยให้ข้อมูลไว้ เจ้าหน้าที่ป.ป.ส.จะตรวจค้นโดยไม่มีหมายค้น ต้องมีข้อยกเว้นว่าไม่สามารถรอหมายค้นได้ เดี๋ยวตนจะติดตามความคืบหน้าในเรื่องพนักงานสอบสวน จะดูว่าการแจ้งความถูกต้องตามป.วิทยาหรือไม่อย่างไร