วันที่ 23 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งปัจจุบันทุกพื้นที่นอกจากจะมีสภาพอากาศที่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 41 องศาแล้ว ยังมีหลายพื้นที่ต้องประสบกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่สูงถึง 69.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. และอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาทุกชนิด และกำหนดมาตรการเข้มข้น เพื่อลด PM2.5 ให้พื้นที่ จ.กาฬสินธุ์อากาศดี
ล่าสุดนายวิทยา ปัญจมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ (ผอ.ทสจ.กาฬสินธุ์) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกับช่างเทคนิคที่ควบคุมดูแลการทำงานของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในอากาศของกรมควบคุมมลพิษ ในท้องที่ จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์สภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่บริเวณสวนสาธารณะแก่งดอนกลาง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากในช่วงหลายวันที่ผ่านมาหลายพื้นที่พบฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และมีบางวันอยู่ในระดับสีแดง และมีผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมติดตามตรวจเช็คการทำงานของระบบเครื่องตรวจวัด ซึ่งระบบเครื่องใช้งานได้ปกติ
นายวิทยา ปัญจมาตย์ ผอ.ทสจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการติดตามสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จ.กาฬสินธุ์ เริ่มตรวจพบค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกินค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม. แต่ไม่สูงมากนักเฉลี่ยอยู่ที่ 50 มคก./ลบ.ม.ต้นๆ ซึ่งอยู่ในระดับสีส้มหลายวัน แต่ก็มีบางวันอยู่ในระดับเป็นสีแดง โดยล่าสุดวันนี้ 23 เมษายน 2567 ตรวจพบค่าฝุ่น PM2.5 เฉลี่ยภาพรวม 69.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ในส่วนความร้อน(Hotspot) ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ล่าสุดพบ 14 จุดในพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.กุฉินารายณ์ อ.ยางตลาด อ.คำม่วง และอ.ท่าคันโท
นายวิทยา กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบสาเหตุหลักๆนั้น เกิดจากความร้อนหนาแน่นที่เกิดจากปัญหาไฟป่าของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่กำลังลุกไหม้เป็นบริเวณกว้าง ก่อนจะมีควันไฟจำนวนมากลอยมากับทิศทางลมข้ามเขาภูพานเข้ามายังพื้นที่ รวมทั้งการลักลอบเผาป่า การจุดไฟเผาวัชพืชการเกษตร การเผาขยะในพื้นที่ และพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ทำให้กลุ่มควันไฟลอยมารวมกันเป็นแอ่ง จึงส่งผลให้ จ.กาฬสินธุ์พบค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐานดังกล่าว
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหานั้น ที่ผ่านมา ทางทสจ.กาฬสินธุ์ได้ร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) และหน่วยงานภาคีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมโครงการวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า และวันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วนงดการเผาไฟและเผาป่า หรือการจุดไฟเผาวัชพืชในไร่นา และให้ประชาชนรับรู้ถึงผลกระทบให้เกิดภัยทางธรรมชาติต่างๆ
นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ทาง จ.กาฬสินธุ์ ได้ออกประกาศ และกำหนดมาตรการเข้มข้น เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยให้ทุกอำเภอและอปท.ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนทุกพื้นที่ ห้ามการเผาทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เกษตร ที่ส.ป.ก. ป่าไม้ ชุมชน สองข้างทาง บ่อขยะ หรือในพื้นที่ของส่วนราชการ วัดหรือที่พักสงฆ์ หากฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ซึ่งมีโทษทั้งจำ และปรับ รวมทั้งให้หน่วยงานป่าไม้เพิ่มการลาดตะเวน ตรวจตรา และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรอบพื้นที่ป่าไม้ไม่กระทำการให้เกิดไฟป่า และงดการเผา
นอกจากนี้ยังให้ทางตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และสำนักงานขนส่ง จ.กาฬสินธุ์ เข้มงวดกวดขันตรวจสภาพรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษ ฝุ่นควัน และการเผาสองข้างทางให้ดำเนินการกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในส่วนเขตพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง และสถานประกอบการ ได้ให้ส่วนราชการ หรืออปท.ที่รับผิดชอบกำกับ ควบคุม ดูแลการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และสถานประกอบการไม่ให้เกิดฝุ่นละอองและมลพิษทางอากาศ และให้อุตสาหกรรมจังหวัดกำกับ ดูแลการตรวจวัดคุณภาพฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ส่วนราชการ ทุกอำเภอ อปท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติอตามข่าวสารข้อมูลคุณภาพอากาศฝุ่น PM 2.5 และคำแนะนำสุขภาพ เมื่อเกิดสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ที่ แอพลิเคชั่น AIR 4 THAI ของกรมควบคุมมลพิษ อย่างไรก็ตามฝากให้ประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพในช่วงนี้ด้วย ซึ่งหากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลำบาก ระเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น