เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ว่า กรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) รอง ผบ.ตร. ถูกสั่งพักราชการยื่นร้อง ปปช.กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แต่งตั้ง ผบ.ตร. (เมื่อปี 2566) ผิดกฎหมาย 

พร้อมย้ำว่า แต่ ปปช.มักใช้ความชำนาญพิเศษปฏิบัติงานดึงเรื่องไห้ล่าช้าไว้ นอกจากนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยังยื่นร้องปมหน่วยงานและกระทรวงยุติธรรมพิจารณาทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์ส่งตัวเข้าพักชั้น 14 รพ.ตำรวจ แล้วนำมาสู่การพักโทษ ซึ่งเต็มไปด้วยข้อสงสัยของสังคมมากมาย

ไม่เพียงเท่านั้น มีการดึงเรื่องนายกฯ ใช้รถประจำตำแหน่งมาใช้ส่วนตัวในวันหยุด ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานราชการ โดยเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเพื่อพบทักษิณถึง 2 ครั้ง แต่ ปปช. ยังดองเรี่องไว้อีกตามเคย ทั้งที่ข้อเท็จจริง หลักฐานมีพร้อมก็ไม่น่าใช้เวลาพิจารณากันให้นานวัน ทั้งที่กรณีนี้ ปปช.เคยชี้มูล นายก.ท้องถิ่นคนอื่นๆ กระทำผิดมาแล้วและถูกลงโทษกันมากมาย

นายจตุพร กังขาว่า เรื่องที่สิ้นสงสัยแล้ว ปปช. ดึงไว้ทำอะไร ควรหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยด่วน อีกทั่ง กกต.จะตรวจสอบ สส.ในหนึ่งปีหลังเลือกตั้ง แต่กลับรอให้ทำความเสียหายก่อนจึงจะตรวจ ซึ่งเป็นหลักสวนทางกับคำประกาศไม่ให้คนชั่วเหยียบบันไดสภาอย่างชัดเจน ดังนั้น ทุกเรื่องที่ไปให้ ปปช.ตรวจสอบวันนี้ ถ้าไม่แก้ไขปัญหากันจริง แต่ดึงเรื่องให้ล่าช้า จะเป็นการสร้างปัญหาขึ้นในอนาคต

ส่วนการปรับ ครม. นายจตุพร กล่าวว่า เริ่มมีเสียงแผ่วเบาลง เพราะการเสนอปรับไม่เป็นไปตามดีล อีกอย่าง ทักษิณ มีพฤติกรรมเมินรับพวงมาลัยของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เข้าอวยพรวันสงกรานต์ จนนำไปสู่การประกาศแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหมหวังสกัดการ รปห. ทั้งที่ในเรื่องนี้ ไม่มีกฎหมายใดเขียนห้าม รปห.ได้เลยในประวัติศาสตร์การเมืองไทยในสมัยรัฐธรรมนูญ

"เมื่อแสดงถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างกันออกมา ดังนั้น การแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหมย่อมสะท้อนถึงความสะใจตอบโต้ สิ่งสำคัญการตั้งกรรมการติดตามความไม่สงบในพม่า มีรัฐมนตรีต่างประเทศและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ แต่ขาด รมต.กลาโหมคนเดียว จึงเป็นเรื่องน่าแปลก และเป็นการบริหารประเทศแบบประหลาดอย่างยิ่ง”

นายจตุพร กล่าวว่า ในกรณีการแจกเงินหมื่นบาทในโครงการดีจิทัลวอลเล็ตไตรมาส 4 ปี 2567 คงไม่มีจริง เพราะการแถลงประกาศของรัฐบาลนั้น สะท้อนถึงความไม่พร้อมอะไรออกมาโชว์ถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว แต่ตรงกันข้ามกลับแถลงเพียงเอาหน้ารอดไปเป็นเดือนและไตรมาสเท่านั้น 

ที่สำคัญกลับส่อเจตนาเบียดบังเอาเงินงบประมาณ และเงิน ธกส.มาใช้กับดิจิทัล ทั้งที่งบประมาณยังไม่ได้ใช้สักบาท แล้วรู้ได้อย่างไรว่า จะเหลือเท่านั้น เท่านี้ อีกทั้งเชื่อว่า เงินดิจิทัลจะเป็นปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเสี่ยงต่อคุกตะราง 

“สิ่งสำคัญ เรื่องราวเหล่านี้ล้วนนำพาไปสู่การล้มกระดานรัฐบาลได้ทั้งหมดและปัจจัยมาจากคนเดียวเป็นหลัก ปี 49 ปี 57 และปรากฎการณ์ดีลกลับบ้าน ปี 66 แล้วลากมาปี 67 ก็มาจากคนเดียวอีก เพราะเรื่องที่ปรากฎขณะนี้นำมาเป็นสาเหตุอ้างยึดอำนาจได้ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกเรื่องไม่ตรงกับดีลที่อ้างให้กลับไทย”

พร้อมทั้งเชื่อว่า ปรากฎการณ์เหล่านี้ที่เดือดระอุขึ้นในเมษายน จะเห็นได้ชัดเจนช่วง 20- 29 พ.ค. ถ้าไม่มีท่าทีใดๆ ของทักษิณเกิดขึ้นมาอีก ซึ่งคาดว่า จะนำไปสู่ปัจจัยเสี่ยงต่อการยึดอำนาจและประชาชนตื่นตัว โดยอะไรจะเกิดขึ้นก่อนกันย่อมน่าสนใจ

ประเมินว่า ปรากฎการณ์เมินพวงมาลัยนายสุทิน แล้วขยับมาแก้กฎหมายจัดระเบียบกลาโหม จึงถูกตีความว่า รู้เห็นเป็นใจต่อกัน เพื่อสกัดการยึดอำนาจที่อาจก่อตังตั้งเค้าอยู่ จึงเท่ากับเป็นการสร้างแรงกระพือโหมขึ้นช่วงเมษาร้อน ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีรัฐบาลไหนกล้าแตะต้องเลย 

ดังนั้น จึงไม่ต่างจากการสุมไฟใส่ทหารให้รุ่มร้อนขึ้น โดยมีบทเรียนตั้ง พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก เป็น รมช.กลาโหม แล้วเกิด รปห. ช่วงรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุนหะวัณ ปี 2534 มาแล้ว คงไม่ลืม

 

#จตุพรพรหมพันธุ์ #บิ๊กโจ๊ก #เศรษฐาทวีสิน #ข่าววันนี้ #ดิจิทัลวอลเล็ต #สุทินคลังแสง