“นายกฯ” เรียกถกด่วน! พรรคร่วมรัฐบาล ปม “แก้รธน.-ดิจิทัลวอลเล็ต’ จับตาหารือปรับครม. "ภูมิธรรม"เผยคุยแกนนำพรรคร่วมฯ ไร้ปมปรับครม. ปัดข่าว”พท.”ขีดเส้น 24 เม.ย. ส่งชื่อรัฐมนตรี ย้ำทำประชามติ 3ครั้ง ชงเข้าครม.วันนี้ คาดรอบแรกส.ค. ยันประชาชนมีส่วนร่วม ซัดฝ่ายค้านปฏิเสธร่วมสังฆกรรม 

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง ได้เรียกหัวหน้าและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าพบที่ห้องประชุมตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือประเด็นที่จะนำเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 23 เม.ย. ทั้งเรื่องการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต และอาจรวมถึงการหารือถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย 

โดย ตั้งแต่เวลา 10.50 น. มีหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทยอยเดินทางมายังตึกไทยคู่ฟ้า อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ มาถึงเป็นคนแรก ตามด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ,นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ,นายนิกร จำนงค์ ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ,นายชื่นชอบ คงอุดม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
ต่อมา เวลา 11.12 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินมาถึงและได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะมีการพูดคุยเรื่องของการปรับครม.หรือไม่ นายอนุทิน ไม่ตอบคำถาม พร้อมส่ายหน้า และทำท่ารูดซิปปาก แล้วเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไปทันที จากนั้น  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางตามกันมาติดๆ นอกจากนี้ยังมี นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุมด้วย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ  และแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า ในการหารือกับหัวหน้าพรรคไม่มีเรื่องการปรับครม. และไม่มีหัวหน้าพรรคคนใดสอบถามเรื่องการปรับครม. ถ้าจะมีการหารือเรื่องนี้จะมีการนัดหมาย ซึ่งเรื่องการปรับครม.เป็นเรื่องนายกฯ อยู่ที่นายกฯจะพิจารณาว่าจะปรับหรือไม่ปรับ หรือจะปรับอย่างไร คงจะมีการหารือ ถ้ามีความชัดเจนจริงๆ อาจจะต้องประชุมหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค  
 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางกระแสระบุว่ามีการเลื่อนปรับครม. ออกไปอีก 2 เดือน ประมาณเดือนมิ.ย. เพื่อรอให้งบประมาณปี 68 ผ่านสภาก่อน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่มีการคุยกันเรื่องนี้เลย เดี๋ยวช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ นายกฯ เรียกตัวแทนทุกพรรคมาคุยที่ทำเนียบฯ โดยจะคุยเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะเข้าครม.ในวันที่ 23 เม.ย. ดังนั้นถ้าเจอหัวหน้าพรรคคุยกัน อย่าคิดว่าเป็นการคุยเรื่องปรับครม.เท่านั้น แต่เรามีเรื่องสำคัญๆ ที่รัฐบาลจะต้องทำร่วมกัน ใครเป็นเจ้าภาพคนนั้นก็มาคุย บางครั้งหัวหน้าพรรคก็ครบหมด แต่ถ้าใครติดธุระต่างประเทศก็จะส่งตัวแทนที่ชอบธรรมมา ซึ่งจากนี้จะได้เห็นอีกหลายๆ ครั้ง เพราะเราตกลงกันแล้วว่าจะประชุมกันเดือนละครั้ง โดยตนจะเป็นผู้ประสานงานให้เกิดการพูดคุยกัน จึงอย่าไปกังวลใจเรื่องนี้
  
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอีกกระแสข่าวระบุในส่วนของพรรคเพื่อไทยมีการขีดเส้นให้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีภายในวันที่ 24 เม.ย. นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเป็นรองนายกฯคนที่ 1 และเป็นผู้อาวุโสในพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ยินเรื่องนี้เลย ขณะนี้ที่ได้ยินเรื่องปรับครม.ก็มาจากสื่อทั้งนั้น ต้องถามสื่อว่าเอาข้อมูลมาจากไหน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ได้คุยกับนายกฯก็ไม่มีอะไร และทุกเรื่องถ้าจะปรับอะไรก็ต้องมีความเห็นร่วมกัน เพราะทุกเรื่องที่ออกจากครม.ต้องเป็นความเห็นร่วมกันของทุกพรรค ฉะนั้นการประชุมของพรรคร่วมตอนนี้อย่าไปโฟกัสแค่เรื่องปรับครม.เท่านั้น ยังไม่มี ถ้าจะมีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับนายกฯที่มีอำนาจเต็มในการปรับ ครม.

นายภูมิธรรม ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงการหารือเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.วันที่ 23 เม.ย.นี้ ว่า  ถ้าครม.อนุมัติจะส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เลย กระบวนการจะเดินหน้า แต่บังเอิญว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องที่สภาไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องประชามติจะทำกี่ครั้ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้รับวินิจฉัย ฉะนั้นในที่ประชุมเลยคิดว่าน่าจะทำประชามติ 3 ครั้ง เพื่อความปลอดภัย


นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ในความเห็นของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยังเห็นเป็นสองฝ่าย ทั้งที่เห็นว่าควรทำประชามติ 2 ครั้ง และ 3 ครั้ง จึงนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือกันในครั้งนี้ ทั้งนี้จากผลการหารือของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นควรให้ทำประชามติ 3 ครั้ง และจะหารือในที่ประชุมครม.ว่าแนวคำถามประชามติจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่จะต้องอิงกับสิ่งที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว 
  
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมแนวคำถามประชามติไว้บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในร่างของคณะกรรมการฯ มีคำถามแล้ว แต่จะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.อีกทีหนึ่ง อย่างเช่นแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ที่มีการยืนยันกัน 3 พรรค เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดไทม์ไลน์เอาไว้หรือไม่ว่าจะมีการเดินหน้าแต่ละสเตปอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากในที่ประชุมครม.วันที่ 23 เม.ย.เสร็จก็จะส่งไปที่ กกต.เลย กระบวนการทั้งหมดอยู่ที่ กกต. ที่จะต้องจัดการภายใน 90 วัน ซึ่ง กกต.สามารถทำเร็วกว่านี้ได้ อยู่ที่ กกต. จากนี้ไปจะไม่เกี่ยวกับรัฐบาลแล้ว ถือว่ารัฐบาลทำหน้าที่จบแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ กกต. แต่คาดว่าถ้าไม่มีปัญหาอะไร การทำประชามติครั้งแรกน่าจะประมาณเดือน ส.ค.นี้ และกระบวนการต่างๆ จะขยับไปตามกระบวนการกฎหมาย เมื่อถามว่า มีการคุยกับพรรคร่วมในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ไม่ได้คุย คุยเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างเดียว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ หากประชาชนไม่เห็นด้วยที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอาจจะออกมาเคลื่อนไหว นายภูมิธรรม กล่าวว่า จะบอกว่าประชาชนไม่มีส่วนร่วมไม่ได้ที่จะเสนอ ครม.วันที่ 23 เม.ย.จะเป็นการเสนอความเห็นที่แตกต่างทั้งหมด สิ่งที่เสนอไปทางฝ่ายค้านและไอลอว์เราเชิญมาร่วมแล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายนี้ปฏิเสธไป และในกระบวนการสรรหาอนุกรรมการที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธาน ได้มีการไปคุยกับพรรคก้าวไกล คุยกับ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีการออกแบบสอบถาม ส.ส. และสว. ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำมาโดยตลอด โดยการกล่าวหาว่ามีแต่พวกตัวเองนั้น คิดว่าเป็นที่ดูแคลนคณะกรรมการฯ มากเกินไป เพราะเราคุยกับผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่าย รวมถึงการสอบถามประชาชนทั้งสี่ภาค 

ฉะนั้นจะมาบอกว่าไม่ได้ไปคุยไม่ได้ เราคุยทั้งหมด ถ้าจะขาดคงขาดแค่พรรคฝ่ายค้านที่ปฏิเสธจะเข้าร่วมกับเราตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตาม วันที่ 23 เม.ย.จะสรุปข้อเสนอของอนุกรรมการทั้งหมดเข้าครม. และจะมีการแนบความเห็นของพรรคฝ่ายค้านหรือประชาชน กลุ่มไอลอว์ ไปด้วย คิดว่าครบถ้วนแล้ว เราไม่มีอะไรปิดบังอำพราง ไม่ได้เล่นแร่แปรธาตุอะไร ความจริงเสร็จตั้งแต่เดือนธ.ค.66 และสามารถเข้าได้เลย แต่เนื่องจากมีประเด็นที่เสนอไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นห่วงว่าถ้าเราเดินหน้าต่อไปแล้วศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นอีกอย่าง กระบวนการที่ทำมาก็จะสิ้นสุดลง 
  
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า บางข่าวที่บอกว่าจะมีประชาชนเคลื่อนไหวไม่ให้ประชาชนมาลงประชามติขอให้ไปพิจารณาดูว่าโอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว ถ้าจะมีความเห็นอย่างไรก็ใช้บทบาทมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระบวนการเป็นอย่างไรว่าไปตามนั้น แต่ถ้าจะบอกว่าไม่ไปใช้สิทธิ์ ถ้าไม่ผ่านก็กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 60 เหมือนเดิม แต่ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาแก้ไข โดยใช้กระบวนการประชาชนตามกฎหมายเข้ามาแก้ เราบอกแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความเป็นประชาธิปไตย เราตั้งใจและประกาศไว้แล้วว่าจะให้เสร็จภายใน 4 ปีที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล มีกฎหมายลูกและพร้อมที่จะเลือกตั้งใหม่ภายใต้กติกาใหม่

ดังนั้นอยากให้ฝ่ายค้านพิจารณาให้รอบคอบว่าอยู่ๆ ไปเคลื่อนไหวไม่ให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นแสดงว่าฝ่ายค้านอยากจะกลับไปอยู่ตั้งแต่ยุครัฐประหาร ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องเข้ามาช่วยกันแก้ กระบวนการแก้อย่างไรก็มาว่ากัน ตนไม่อยากให้คิดอะไรแบบเบ็ดเสร็จว่าความเห็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง  เพราะถ้าจะอ้างความเห็นประชาชนไม่ต้องการ ตัวแทนพรรคการเมืองก็มีฐานสมาชิกจากประชาชนที่สนับสนุนเขามา จึงอย่าเอาเรื่องนี้มาเถียงกันเลย ถ้าจะอย่างนั้นตนก็บอกว่า 6 พรรคการเมืองในรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน ไม่เช่นนั้นเราคงตั้งรัฐบาลไม่ได้ ซึ่งถ้าเถียงกันเรื่องนี้มันไม่ใช่สาระ สาระสำคัญคือทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

สำหรับเรื่องหมวด 1 และหมวด 2 มันมาจากการหาเสียงของพรรคการเมือง มีการแถลงข่าวและยังมีการนำเข้ามาในรัฐสภา เป็นโยบายของรัฐบาล และกระบวนการก่อนตั้งรัฐบาล ทุกคนเห็นแล้วว่าทุกพรรคการเมืองที่มาร่วมตั้งรัฐบาลพูดเรื่องหมวด 1 และหมวด 2 ชัดเจน ฉะนั้นเราทำตามกระบวนการและสิ่งที่ชอบโดยปกติทั้งหมด ไม่มีประเด็นอื่น

ด้าน นายชื่นชอบ คงอุดม รองเลขาธิการนายกฯ  ฝ่ายการเมือง และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์หลังนายกฯ เรียกประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ว่า  ได้รับมอบหมายจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ  และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้มาร่วมประชุมดังกล่าว โดยวันนี้เป็นการหารือทำความเข้าใจร่วมกันเรื่องการทำงานในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ตเพียงเรื่องเดียว  ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือ เพราะเป็นนโยบายร่วมของรัฐบาล ไม่มีพูดคุยเรื่องการปรับครม.  ซึ่งขณะนี้ได้เป็นไปตามที่คณะกรรมการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ประชุมกันไป ทุกเรื่องอยู่ในขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นสิ่งที่จะทำได้

พรรคร่วมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าเป็นนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว วันนี้จึงมาพูดคุยทำความเข้าใจกันว่าเราจะช่วยอธิบายกับประชาชนอย่างไรในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และได้ทำความเข้าใจกันเรื่องความถูกต้อง ซึ่งก็มีความเห็นตรงกันว่าสิ่งที่ดำเนินการมีความถูกต้อง และในการหารือวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้เสนอแนะให้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต รมช.คลัง ทั้ง 2 คน และทีมงานที่ทำเรื่องนี้ได้รับข้อเสนอแนะไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องการประชาสัมพันธ์โครงการนี้ให้ประชาชนเข้าใจ เนื่องจากยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจถึงวิธีการ และหลักการของการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้เราจะได้เห็นบทบาทของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะช่วยประชาสัมพันธ์โครงการนี้ใช่หรือไม่ นายชื่นชอบ กล่าวว่า แน่นอน โดยตรงนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมีข้อมูลให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะไปนำเสนอประชาชนรับทราบ ในฐานะที่เป็นนโยบายร่วมกันของรัฐบาลชุดนี้

“การพูดคุยกันในวันนี้ ไม่ได้มีการหารือถึงการปรับครม.และไม่มีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นสอบถามเรื่องนี้ ทุกคนมาพูดคุยกันเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเรื่องของประชาชน และนายกฯ ก็ไม่ได้พูดถึงการปรับครม. อีกทั้งยังไม่ได้พูดคุยกันถึงการทำประชาติเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

นายชื่นชอบ กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับครม.ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นไปตามที่ประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งหัวหน้าพรรค, เลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีของพรรคก็ไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้เลย เพราะทุกคนมีหน้าที่ทำงาน และต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยหัวหน้าพรรคพูดว่ายังไม่มีข้อมูลจากนายกรัฐมนตรีที่พูดถึงการปรับครม. และยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม เรื่องปรับครม.