“กมธ.ทหาร. จัดงานสัมมนา “พลทหารปลอดภัย” ตอกย้ำ “การตายในค่ายทหารต้องเป็นศูนย์”  ด้าน “สส.ธนเดช” ยันก้าวไกลหนุนแก้ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พร้อมให้กำลังใจ ”สุทิน”เดินหน้าทำงานต่อ

เมื่อวันที่22 เม.ย. ที่รัฐสภา ร.ท.ธนเดช เพ็งสุข  สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การทหาร สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง “พลทหารปลอดภัย” โดยมี น.อ.วุฒิกร สุวารี เสนาธิการศูนย์การทหารอากาศโยธิน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ผู้บังคับหมวด ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับกองพัน  และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกกำลังพล จากกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกองทัพไทย  เข้าร่วมสัมมนา ประมาณ200คน

ร.ท.ธนเดช กล่าวเปิดการสัมมนา ตอนหนึ่งว่า การสัมมนาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของคณะกมธ.การทหาร กับภารกิจการป้องกัน การรักษาความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างและเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนจากทหารเกณฑ์ที่ถูกทำร้าย หรือพบเห็นการถูกทำร้าย เพื่อหามาตรการป้องกัน และระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการทำร้ายทหารเกณฑ์ในค่ายทหาร และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความอุ่นใจให้ผู้ปกครอง และบุคคลที่จะเข้ารับการเกณฑ์ทหารว่าจะมีความปลอดภัยในระหว่างการเป็นทหารเกณฑ์ โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ซักถามและแสดงความเห็นในภาพรวมของการสัมมนาทั้งหมดเพื่อหาข้อสรุปอันจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชน โดยกมธ.จะได้นำข้อมูลและข้อคิดเห็นที่ได้รับจากการสัมมนามาประกอบการพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะ กมธ. ต่อไป

“โดยมีเป้าหมายที่เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญคือ “การตายในค่ายทหารต้องเป็นศูนย์” และนอกจากนี้ หากพบการกระทำที่เข้าลักษณะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 คณะกมธ.การทหาร จะประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อดำเนินการทันที” ร.ท.ธนเดช กล่าว

ทั้งนี้ ร.ท.ธนเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มการสัมมนาว่า โครงการ “พลทหารปลอดภัย” ซึ่งได้เชิญ นายทหารระดับผู้บังคับหมวด ผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพัน ที่เป็นผู้ฝึกมีหน่วยทหารอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล พูดคุยถึงแนวทางของกรรมาธิการและเสนอแนะ เกี่ยวกับการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง กับพ.ร.บ.การอุ้มหาย พร้อมกับขอความร่วมมือกรมแพทย์ทหารอากาศมาให้คำแนะนำด้านจิตวิทยา เพื่อให้ผู้ฝึกได้มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การฝึกพลทหารพลัดใหม่ช่วงเดือนพฤษภาคมนี้มีความก้าวหน้า ซึ่งกรรมาธิการก็คาดหวังว่าหลังการสัมมนาอย่างน้อยกรรมาธิการเป็นอีกช่องทางหนึ่ง และเป็นความอุ่นใจของผู้ปกครองและกำลังพล

ร.ท.ธนเดช กล่าวว่า  ส่วนแนวคิดการแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และกฎหมายศาลทหาร ในเบื้องต้นนั้น ทางกมธ.การทหาร และพรรคก้าวไกลเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนซึ่งพรรคก้าวไกลได้เคยเสนอร่างกฎหมายไปแล้ว และรอติดตามร่างของรัฐบาลว่าจะมีเนื้อหาเป็นอย่างไร และมีความจริงใจในการแก้ปัญหาหรือไม่ หรือจะเป็นก้าวแรกในการปฏิรูปกองทัพ หรือการพัฒนาร่วมกันโดยเฉพาะเรื่องการตัดซุปเปอร์บอร์ดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ซึ่งเท่าที่ติดตามจากนายทหารหลายคน  มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเมืองจะมายุ่งเกี่ยวกับการโยกย้ายได้อย่างไร และเห็นว่สุดท้ายกองทัพเป็นหน่วยงานราชการหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ภายใต้รัฐบาลและเหตุใดฝ่ายบริหาร ถึงจะไม่สามารถเข้าไปบริหารได้

"แล้วกองทัพมีอะไรที่แตะต้องไม่ได้เลยหรือ ต้องรวมกลุ่มกันแล้วสุดท้ายรัฐมนตรีจะมีอำนาจอะไร ถ้าไม่ตัดทิ้งซุปเปอร์บอร์ดที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ไม่เช่นนั้นกันสืบทอดอำนาจก็จะส่งต่อไม่สิ้นสุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ จึงขอฝากไปยังนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดหลักที่จะคืนอำนาจให้กับรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นรัฐมนตรีกลาโหมก็ไม่ต่างกับตรายาง" ร.ท.ธนเดช กล่าว

ร.ท.ธนเดช  กล่าวถึง กระแสข่าวการปรับครม.โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม ที่มีกระแสข่าวว่าดีลแลกกับการนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทยนั้น ส่วนตัวให้กำลังใจนายสุทินที่ยังทำงานได้ดี แต่จากกระแสข่าวที่ออกมาว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการ รมว.กลาโหม  จะขึ้นมาเป็น รมช.กลาโหม หากไล่เรียงเส้นทางการเติบโตก็จะเห็นว่าเป็นฝั่งไหน ซึ่งอาจจะตั้งข้อสังเกตุได้ว่ามีข้อแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็เคารพการตัดสินใจของรัฐบาล ส่วนตัว เชื่อว่ากองทัพยังต้องการทำงานร่วมกับนายสุทินต่อ