วันที่ 22 เม.ย.67 ผูสื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ธีระ เชื้อสุวรรณ ผกก.4 บก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 นำหมายค้นศาลจังหวัดนาทวี ออกหมายค้นที่ 12/2567 ลงวันที่ 19 เมษายน 2567 โดยศาลอนุญาตให้เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ บนถ.ปองพล ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จับกุมตัวนายเมธาวัช อายุ 21 ปี น.ส.บุเหงา อายุ 24 ปี พร้อมของกลาง โทรศัพท์ 2 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก ภาพถ่ายหน้าจอโทรศัพท์มือถือของกลางการสนทนารับปลอมแปลงเอกสารทางรายการ ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของทั้ง 2 คน
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กก.4 บก.สอท.5 สืบสวนผ่านช่องทางออนไลน์พบเฟสบุ๊คชื่อ “รับปลอม บัตรประชาชน” ตรวจสอบเฟซบุ๊คดังกล่าวมีการโพสต์เป็นสาธารณะประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ลักษณะเป็นการรับปลอมแปลงเอกสารทางราชการทุกชนิด จึงตรวจสอบรวบรวมพยายหลักฐานกลุ่มคนร้าย และสถานที่พักอาศัยแน่ชัดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายศาลจังหวัดนาทวี เข้าตรวจค้นรีสอร์ท เมื่อไปถึงพบประตูปิดอยู่ จึงเรียกให้บุคคลที่อยู่ด้านในห้องพักเปิดประตูห้องพบ นายเมธาวัช และพวกรวม 8 คน อยู่ภายในห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตุพบการมั่วสุมยาเสพติดกันอยู่ ตรวจค้นภายในห้องพัก พบของกลางโทรศัพท์มือถือมีข้อมูลการสนทนารับปลอมแปลงเอกสารทางราชจำนวนหลายรายการ
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายเมธาวัช ให้การว่า ได้ร่วมกันทำมาแล้วนานประมาณ 2 ปี มีประชาชนทั่วไปที่สนใจจะปลอมเอกสารทางราชการ ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก หลอกได้เงินมากสุด 10,000 - 20,000 บาท หลอกแต่ละครั้ง 7,000-9,000 บาท ได้เงินเดือนละ 40,000 - 60,000 บาทต่อเดือนโดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชี 1 ล้ากว่าบาท ตนเองรับปลอมแปลงเอกสารทางราชการสร้างเพจเฟสบุ๊ค ประกาศโฆษณารับปลอมแปลงเอกสารทางราชการจริง แต่จะไม่มีการส่งมอบเอกสารราชการตามที่ประกาศไว้แต่อย่างใด ทำเพจขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินมาให้พวกตนเองเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะทั้งสองพบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีน จึงนำตัวอย่างปัสสาวะของทั้งสองนำส่งโรงพยาบาลปาดังเบซาร์ เพื่อตรวจหาสารเสพติดในร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน ควบคุมตัวพร้อมของกลางนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปาดังเบซาร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป