"วันนอร์" ยืนกรานปมเก้าอี้ "ประธานสภาฯ" จบแล้ว ไม่เกี่ยวปรับครม. เมินตอบสื่อ แลกเก้าอี้ รองนายกฯ-ประสภาฯ ด้าน''ทวี"ไม่เคยได้ยิน "เพื่อไทย" ทวงตำแหน่งปธ.สภาฯ "เอกนัฏ" สยบข่าวลือ เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพรรค ประกาศสู้เลือกตั้งครั้งหน้ากวาดส.ส. 250 ที่นั่ง ดันพีระพันธุ์นั่งนายกฯ แบบไม่ใช่ส้มหล่น
โรงแรมอัล มีรอช กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.67 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) และอาจมีการเปลี่ยนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ที่ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีการเปลี่ยน เมื่อถามว่า แต่หากมีการเสนอสูตรใหม่เพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีใน ครม.ให้พรรคประชาชาติจะทบทวนหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จบแล้ว เพราะการปรับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เราไม่เข้าไปยุ่ง แต่ประธานและรองประธานสภาฯ เป็นเรื่องของสภาฯ ไม่เกี่ยวโยงกัน เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเสนอเก้าอี้รองนายกฯ เพื่อให้ไปดูแลพื้นที่ภาคใต้ แลกกับเก้าอี้ประธานสภาฯ จะพิจารณาทบทวนหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกระแสการปรับครม.ในสัดส่วนของพรรคประชาชาติ โดยย้ำว่า เป็นอำนาจนายกฯ และนายกฯ ยังไม่เคยมาพูดคุยกับพรรคประชาชาติในเรื่องดังกล่าว แต่พรรคประชาชาติ ได้มีการพูดคุยกัน เพราะพรรคได้โควตารัฐมนตรีเพียงคนเดียว แต่พรรคก็อยากได้ 2 คน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีข้อเสนอใหม่เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีอีก 1 ที่นั่ง เพื่อแลกกับตำแหน่งประธานสภาฯ พรรคจะว่ายังไง พ.ต.อ.ทวี ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น พร้อมยืนยันว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของตนเองเท่านั้น เพราะจะต้องเป็นไปตามโควตา และพรรคประชาชาติต้องรักษามารยาท เพราะมีส.ส.เพียง 9 คน และพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่กว่าพรรคประชาชาติมีส.ส. 10 คน
พ.ต.อ.ทวี ยังชี้แจงย้ำถึงกระแสข่าวการทวงคืนตำแหน่งประธานสภาฯ จากพรรคประชาชาติกลับไปยังพรรคเพื่อไทย ว่า กระแสข่าวดังกล่าว ไม่เคยได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ เพราะตำแหน่งประธานสภาฯ เกิดจากการเลือกของส.ส.จำนวน 500 คน ในสภาฯ ซึ่งประธานสภาฯ จะต้องเป็นกลางทางการเมือง ดังนั้นใครก็ตามที่เป็นประธานฯ จะต้องเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และเรื่องการเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ตนก็ยังไม่เคยได้ยิน
ด้าน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนบุคคลในตำแหน่งรัฐมนตรี โควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า เป็นเพียงกระแสข่าวและข่าวลือ แต่ข้อเท็จจริงจนถึงวันนี้ไม่มีการประสานมาว่าจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ ดังนั้นจนกว่าจะมีการประสานจะไม่มีการพิจารณาใด ๆ ทั้งสิ้น
"เรามั่นคงในจุดยืน และแนวทางการทำงานของพรรคตั้งแต่ก่อตั้งพรรค จนเลือกตั้งจนมาถึงวันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติอยู่มาท่ามกลางกระแสข่าวจำนวนมาก สมาชิก กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคยังยึดมั่นในอุดมการณ์ จนฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหมดทั้งมวลมาได้ และไม่กังวลต่อข่าวลือ กรรมการบริหารพรรคไม่บริหารพรรคจากข่าวลือ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ ครม. หรือบริหารพรรคก็มีระบบที่เป็นมาตรฐานเปิดเผยได้ และสมาชิกทุกคนก็มั่นใจเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค"
นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติมีเพียง 4 ตำแหน่ง จากส.ส.จำนวน 36 คน จึงเป็นเหมือนครอบครัวครอบครัวหนึ่ง ทุกอย่างพูดคุยกันได้ การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องยาก และกลไกก็ถูกวางไว้ตั้งแต่การเลือกรัฐมนตรีในรอบแรก ดังนั้น ไม่ว่าจะรอบไหนก็ต้องใช้กลไกเดียวกัน เพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อไม่ต้องไปคาดการณ์คาดเดาอะไร เมื่อถามถึงการแบ่งระยะเวลาการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มี ทั้งนี้พรรครวมไทยสร้างชาติมีกลไกการพิจารณา ไม่ได้ยึดโควตาหรือแบ่งภาคแต่อย่างใด แต่ดูตามความเหมาะสมความสามารถ และประสบการณ์เป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการขอแลกกระทรวงจะต้องมีการพูดคุยกันก่อนหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรื่องนั้นต้องมีการคุยกันอยู่แล้ว เพราะในฐานะพรรคร่วมฯ หากไม่มีการสื่อสารมา จะยึดตามเงื่อนไขเดิมที่เคยตกลงกันไว้ ดังนั้นจึงจะพิจารณาก่อนไม่ได้ เพราะต้องดูข้อเสนอหรือข้อสรุปที่พรรคแกนนำส่งมาเป็นอย่างไร
นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม. ที่มีชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ว่า ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรคเป็นหลัก ส่วนเรื่องการปรับ ครม.นั้น อำนาจเป็นของนายกฯ ประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล ตนยังไม่รู้ปรับหรือไม่ และหากมีการปรับจริง ต้องมาหารือกับพรรค ซึ่งต้องมีผู้บริหารพรรคอีกจำนวนมาก มีหัวหน้าพรรคเป็นแกนหลัก รวมถึงเลขาธิการพรรคที่จะพิจารณา ตนเป็น สส. ไม่มีสิทธิพิจารณาตรงนั้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยืนยันว่า ภายในพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความขัดแย้งที่มีผลมาจากกระแสข่าวปรับครม. ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนการปรับรัฐมนตรีนั้นอยู่ที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ฐานะหัวหน้าพรรค
"ผมไม่เข้าใจว่ามีข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ภายในพรรคไม่ได้มีความขัดแย้ง และแกนนำก็รู้จักกันมานาน สามารถพูดคุยกันได้ ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคทำหน้าที่อย่างดี พูดกับสมาชิกเสมอว่า เมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค"
นายธนกร กล่าวย้ำด้วยว่า หัวหน้าพรรคบอกตลอดว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยน แต่ไม่ใช่เล่นเก้าอี้ดนตรี แค่เปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ทำก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกคนก็สามารถเข้าสู่เป้าหมายได้ ส่วนรัฐมนตรีของพรรคทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างดี และมีผลงาน
วันเดียวกัน ที่สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อเวลา 09.30 น. พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2567 โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมประชุม อาทิ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองยกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค , นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค , นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค , นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค , น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม , นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ ,นายสุชาติ ชมกลิ่น ,นายธนกร หวังบุญคงชนะ, นายดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ,นายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรค ,นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชื่อพรรค นอกจากนี้ ยังมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา คณะกรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดย นายพีระพันธุ์ กล่าวเปิดการประชุมว่า เราไม่ลืมกล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ และอดีตสมาชิกพรรคในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค การที่พรรคเลือกสโมสรราชพฤกษ์จัดการประชุมครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกพรรคที่ได้กลับมาที่นี้อีกครั้ง หลังเป็นจุดเริ่มต้นในการประชุมก่อตั้งพรรคที่นี้ เมื่อปี 2566 และพรรคจะเดินหน้าต่อด้วยความมั่นคง แม้จะเป็นน้องใหม่ นอกสายตา แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ได้ส.ส.ถึง 36 คน ซึ่งเป็นกำลังหลักที่ทำให้พรรคมาถึงได้ในทุกวันนี้ เพราะลุงตู่ ซึ่งพวกเราไม่เคยลืม และด้วยเหตุผลความจำเป็นที่ท่านต้องไปทำงานที่ใหญ่กว่า ภาระจึงตกมาอยู่ที่ ตนและสมาชิกทุกคนว่าทำอย่างไรจะทำให้พรรคเดินไปอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับมากขึ้น และเมื่อลุงตู่พ้นตำแหน่งไปแล้ว ได้เห็นผลงานและความตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ทุกคนต้องเก็บดีเอ็นเอของลุงตู่ไว้เป็นของรวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้พรรคมั่นคง
ทั้งนี้ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อได้ว่าเป็นพรรคของประชาชน สู้ทุกปัญหา พึ่งพาได้เป็นจริง และพรรคเดินมาด้วยความมั่นคง และจะเดินต่อไป โดยจะสืบทอดตามแนวทางของพล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องการตั้งใจทำงาน ซึ่งตนเชื่อว่าการเดินมาในแนวทางนี้จะเห็นความตั้งใจในการทำงานและผลงานของพรรค ที่จะทำให้พรรคแข็งแกร่งกว่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อให้พรรคชนะการเลือกตั้ง ปลดพันธนาการ และลดภาระประชาชน โดยตนและกรรมการบริหารพรรค จะสร้างผลงานให้มากขึ้น กว่าปีที่แล้ว
จากนั้น นายเอกนัฏ กล่าวเสริมว่า แรงบันดาลใจทางการเมืองของตน หากพูดไปแล้วใครไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นักการเมืองที่ตนได้ฟังคำปราศรัยคนแรกในชีวิตคือนายพีระพันธุ์ที่ตอนนั้นลงสมัครสส.กทม. แต่ตนเชื่อว่าเมื่อชะตาลิขิตแล้ว เรา 2 คน ทำอะไรด้วยกันมันก็จะเกิดความสำเร็จ จากพรรคการเมืองที่ถูกปรามาสว่าจะมีส.ส.แม้แต่คนเดียวหรือเปล่า แต่วันนี้ได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง 5 ล้านเสียง ซึ่งถือว่ามากสุดสำหรับพรรคการเมืองหนึ่งที่ตั้งขึ้นใหม่ และมี ส.ส. 36 ที่นั่ง สานต่อจิตวิญญาณของลุงตู่ แต่ตนก็เชื่ออีกว่านายพีระพันธุ์เป็นคนที่มีวาสนา ซึ่งตนจะขอทำหน้าที่ในฐานะด้อมของนายพีระพันธุ์ เพื่อปั้นนายกฯ ที่ชื่อพีระพันธุ์ แต่เราไม่หวังให้เป็นนายกฯ ส้มหล่น ไม่เอา เที่ยวนี้เรามีส.ส. เพียง 36 ที่นั่ง เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราไม่หวังให้นายพีระพันธุ์มาเป็นนายกฯส้มหล่นในรอบนี้ แต่ตนหวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขอให้เราสู้ช่วยกัน 36 ที่นั่งไม่พอที่จะเสนอและตั้งนายกฯ ได้ แต่ 250 ที่นั่งคือเป้าหมาย ฉะนั้นขอให้ทุกท่านช่วยกัน
สำหรับกระแสข่าวปรับ ครม. นั้น ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคว่าพรรคเดินมาด้วยระบบกลไกที่มีมาตรฐาน ดังนั้นวันนี้ไม่ต้องไปฟังข่าวลือในเรื่องต่างๆ ที่สื่อคาดการณ์กัน ทั้ง ชื่อรัฐมนตรี แล้วว่าที่รัฐมนตรีทั้งหลาย วันนี้มาอยู่ที่นี่พร้อมกันหมด ตนยืนยันว่าพรรคเดินมาถึงวันนี้ได้เพราะความเสียสละ เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีและส.ส. ทุกคนไม่มีใครติดและยึดกับตำแหน่ง ซึ่งหัวหน้าพรรคก็พูดเสมอว่าไม่ยึดติด เพราะฉะนั้นผู้ที่มีตำแหน่งทั้งหมด ขอให้สำนึกว่าเรามาจากพี่น้องประชาชน และทำงานเข้มแข็งให้กับประเทศชาติบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยพรรคได้พิจารณาวาระรับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2566 รับรองงบการเงินประจำปี 2566 ครั้งที่ผ่านมา และพรรคยังเปิดตัวทีม อาสามาด้วยใจ ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มคน อาทิ อินฟลูเอนเซอร์ นักวิชาการ คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเป็นที่ต้องการมาทำงานช่วยเหลือ โดยจะใช้โซเซียล สร้างฐานเสียงและแนวร่วมในการขับเคลื่อนพรรคต่อไป โดยทีมอาสามาด้วยใจ ได้เปิดตัว นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของพรรคด้วย
อย่างไรก็ตาม นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรค ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รองเลขาธิการพรรค เนื่องจากมีภารกิจอื่น จึงทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ โดยมีผลตั้งแต่ วันที่ 21 เม.ย.67 เป็นต้นไป