ข่าวการปรับครม. โหมกระหน่ำ อย่างต่อเนื่อง ผุดขึ้นมาเป็นระลอกๆนัยว่า หลังผ่านพ้นสงกรานต์ จะถึงคิวการปรับเปลี่ยนเก้าอี้รัฐมนตรี ในครม. “เศรษฐา 1”กันสักคราว  เมื่อเวลาล่วงไปแล้วถึง 7เดือน

แน่นอนว่ากระแสข่าวเรื่องนี้ ทำให้ “รัฐมนตรี” ที่ยังนั่งทำงานอยู่ในครม. นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่า “ขาเก้าอี้” ของตัวเองนั้นมั่นคง แข็งแรงมากพอหรือไม่ ขณะที่ ฝ่ายที่อยากได้รับโอกาส เวียนเข้าไปเป็นรัฐมนตรีใหม่ ว่ากันว่ามีส่วนในการโหมประโคมข่าวด้วยเช่นกัน เพื่อให้ทุกอย่างใกล้ความจริง ให้มากที่สุด

แม้ “หัวหน้ารัฐบาล” อย่าง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ต้องออกโรง “สยบข่าวลือ” หลายต่อหลายครั้งว่า อย่าคิดกันไปเอง ยังไม่มีความคิดที่จะปรับครม. และขออย่าให้เรื่องนี้มาทำให้รัฐมนตรีต้องหวั่นไหว

แต่ดูเหมือนว่าเสียงจาก นายกฯนิด ยังไม่ขลังมากพอ  มิหนำซ้ำยังปรากฎภาพที่รัฐมนตรีในสังกัดพรรคเพื่อไทยนับสิบชีวิต พากันไปรดน้ำ อวยพร “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ที่เชียงใหม่ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จนมีการพูดว่า รัฐมนตรีต้องพากันมา “เช็คชื่อ” ให้ “นายใหญ่” ได้เห็นหน้าค่าตา ไม่เช่นนั้นอาจจะตกขบวนเอาไว้

สำหรับพรรคเพื่อไทยแล้วต้องยอมรับว่า ได้รับผลกระทบ มีแรงกระแทกมากที่สุดจากกรณีการปรับครม.  หากเกิดขึ้นจริง รอบนี้ เพราะในฐานะ “พรรคแกนนำรัฐบาล” ที่กำลังถูกจับตาว่าจะมีความขัดแย้งตามมาหรือไม่

จนถึงวันนี้รายชื่อรัฐมนตรีที่อยู่ใน “กลุ่มเสี่ยงสูง” ที่จะถูกปรับออกยังหยุดอยู่ที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม , ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ,พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม

โดยในรายของสุทิน นั้นถือว่า อยู่ในสภาวะที่วิกฤตไม่น้อย เนื่องจากมีข่าวว่า เดิมเคยได้รับ “ข้อเสนอ” ให้ย้ายกระทรวง จากกลาโหม ไปอยู่กระทรวงศึกษาฯ ทำงานด้านครู ตามที่สุทิน ถนัด แต่ล่าสุดกลับกลายเป็นว่า นายกฯเศรษฐา จะขยับออกจาก “ขุนคลัง” แล้วไปนั่งควบเก้าอี้กลาโหม แทน ส่วนสุทิน และนพ.ชลน่าน จะถูกส่งกลับไปทำงานในสภาผู้แทนราษฎร

ทั้งนี้การขยับสุทิน และนพ.ชลน่าน กลับไปที่สภาฯ ย่อมไม่ได้หมายความว่า จะให้ไปทำหน้าที่ “คุมเกม” ในสภาฯ เพราะอย่าลืมว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย ตั้ง “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” เป็นประธานวิปรัฐบาล อยู่แล้ว  ดังนั้นจึงเกิดปัญหาใหม่ตามมา ว่าหากยึดเก้าอี้ รัฐมนตรีคืน แล้วพรรคเพื่อไทย จะให้ นพ.ชลน่าน และสุทิน ไปอยู่จุดไหนที่มีความสำคัญ มากพอ ในสภาฯ

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของเกมซ้อนเกม เมื่อพรรคเพื่อไทย เตรียมปรับครม. และในฐานะพรรคใหญ่ แกนนำรัฐบาล ยังต้องการคุมเกมในสภาฯ ด้วยการได้ เก้าอี้ “ประธานสภาฯ” แรงตกกระทบจึงไปถึง “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” แกนนำพรรคประชาชาติ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่นั่งในตำแหน่งประธานสภาฯ ปัจจุบัน จะต้อง “ลุกออกไป” หรือไม่

วันนี้ การปรับครม. จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเมื่อใด ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา แต่สิ่งที่เห็นชัดเจน คือแรงกระเพื่อม ภายในพรรคเพื่อไทย หลังการปรับครม.แล้วต้องมี “คนอกหัก” จะนำไปสู่ ความขัดแย้งระลอกใหม่ ตามมาให้ได้เห็นหรือไม่ ?