คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ/ ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

ตำแหน่งประธานสภาคองเกรสของสหรัฐฯ นับเป็นนักการเมืองที่มีความสำคัญเป็นอันดับสามรองจาก “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” และ “รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส” แถมยังต้องรับผิดชอบโดยตรงด้านนโยบบายภายในประเทศอีกด้วย

และเนื่องจากเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติและมีอำนาจมากมายมหาศาล ดังนั้นสมาชิกสภาผู้แทนฯของสหรัฐฯทั้งหมด 435 คนต่างก็แก่งแย่งต้องการที่จะเป็นประธานสภาฯ แต่กลับดูเหมือนว่าขณะนี้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯกำลังระส่ำระสายขาดความมั่นคงลงไปทุกทีทุกที!!!

โดย “ประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน”ที่สังกัดฝ่ายอนุรักษ์นิยมของพรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นประธานสภาฯคนปัจจุบัน ที่แม้ว่าเพิ่งจะเข้าไปรับตำแหน่งใหม่หมาดๆยังไม่ครบหกเดือนก็ตามแต่ดูเหมือนว่ามักจะมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ่อยๆตลอดเวลาว่า อาจจะถูกปลดจากบรรดาเพื่อนๆสมาชิกขั้วขวาจัดที่ไม่ปลื้มการทำงานของเขา “ส.ส.มาร์จอรี่ เทย์เลอย์ กรีน” นักการเมืองค่ายพรรครีพับลิกันขั้วขวาจัด จากรัฐจอร์เจีย ขณะนี้ก็ออกมาแถลงว่าต้องการจะปลดประธานสภาฯอยู่เป็นประจำ โดยเธอมักจะกล่าวโจมตีพาดพิงเกี่ยวกับด้านงบประมาณที่จะนำไปช่วยเหลือการทำสงครามของยูเครน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ช่องฟอกนิวส์ว่า “ถึงแม้ที่ผ่านมา ส.ส.กรีน จะเป็นเพื่อนของข้าพเจ้า แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้เธอกลับกลายเป็นบุคคลที่กวนใจข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก”

และเนื่องจากประธานสภาฯจอห์นสันมีเสียงข้างมากเหนือกว่าค่ายพรรคเดโมแครตห้าเสียง นั่นก็คือ 218 ต่อ 213 (สภาผู้แทนฯมีที่นั่งว่าง 4 ที่นั่ง) ดังนั้นตำแหน่งของประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน จึงค่อนข้างอยู่ในความเสี่ยง แต่ก็ดูเหมือนว่าพรรคเดโมแครต กำลังออกมายื่นข้อเสนอในแง่ที่ว่า ยินดีที่จะช่วยรักษาตำแหน่งประธานสภาฯเอาไว้ แต่อาจจะต้องมีของแลกเปลี่ยนแบบยื่นหมู ยื่นแมว!!

ประเด็นด้านความช่วยเหลือที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้สนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ตามมาด้วยเยอรมนีและอังกฤษ ที่ต่างให้การสนับสนุนนับตั้งแต่สงครามยูเครนเกิดขึ้น โดยสหรัฐฯทุ่มความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนไปแล้วกว่า 75 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าขณะนี้ประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน กำลังเผชิญต่อภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในด้านการช่วยเหลือที่ให้แก่ยูเครนและสืบเนื่องจากมีการแตกแยกเกิดขึ้นในพรรครีพับลิกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะในวันที่ 19 เมษายน 2024 ที่จะถึงนี้ถือเป็นวันขีดเส้นตาย เพราะจะต้องมีการลงคะแนนเสียงต่อนโยบายนี้

โดยเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024นี้ ศูนย์วิจัย “พิว”ซึ่งเป็นสำนักหยั่งเสียงชื่อดังได้ออกมาเปิดเผยว่า ชาวอเมริกันถึง 74% เล็งเห็นว่าสงครามยูเครนมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา

และจากข้อมูลของ “สำนักหยั่งเสียง Harris Poll” ร่วมกับ “สำนักหยั่งเสียง Quincy Institute” เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2024เปิดเผยออกมาว่า ชาวอเมริกันถึง 70% ต้องการให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงคราม อันที่จริงการช่วยเหลือที่สหรัฐฯมอบให้แก่ยูเครนในด้านการทำสงครามนั้น นับว่าเป็นการลงทุนในแง่ที่สหรัฐฯเล็งเห็นว่า “การมีเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

สำหรับท่าทีขององค์การนาโต ก็มีเป้าหมายหลักไม่ต้องการที่จะให้สงครามเพิ่มความเสี่ยง และไม่ต้องการให้กลายเป็นสงครามที่แผ่ขยายไปในวงกว้างมากกว่าเท่าที่เป็นอยู่ และขณะนี้องค์การนาโตก็ได้ให้ความช่วยเหลือต่อยูเครนไปแล้วกว่า 100 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯเปิดเผยออกมาว่านับตั้งแต่สงครามเกิดขึ้น ทหารของยูเครนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 70,000 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 120,000 นาย และจากข้อมูลของ “สำนักข่าวบีบีซี” เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024นี้ว่า ขณะนี้ยอดของทหารรัสเซียที่เสียชีวิตไปแล้วมีกว่า 45,000 นาย แต่ทว่ากระทรวงกลาโหมของอังกฤษกลับประเมินว่า ทหารรัสเซียเสียชีวิตราวๆ 350,000 ราย

ทั้งนี้นับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางด้านการให้ความช่วยเหลือต่อประเทศยูเครน เนื่องจากหากยูเครนได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯอีกต่อไป ก็ย่อมจะเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจให้แก่ชาวยูเครน และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในด้านการต่อสู้กับทหารรัสเซียอีกด้วย

ณ ตอนนี้ดูเหมือนว่า ประธานสภาฯจอห์นสัน มีทางเลือกอยู่เพียงไม่กี่ทาง โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้จากการที่วุฒิสมาชิกได้รับการอนุมัติด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ด้วยมติ 70 ต่อ 29 เสียง โดย “วุฒิสมาชิกมิชท์ แม็คคอนเนลล์” ผู้นำของพรรครีพับลิกัน ได้ออกมากล่าวบ่งชี้ว่า “จำเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐฯจะต้องให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯในโลกเสรี และยังเป็นการแสดงออกถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯในเวทีโลกอีกด้วย”

โดยยอดงบประมาณทั้งหมด 95.3 พันล้านดอลลาร์ จะแบ่งสรรปันส่วนเป็นงบให้แก่ยูเครน 60 พันล้านดอลลาร์   งบประมาณอีก 14.1 พันล้านดอลลาร์มอบให้แก่อิสราเอล และอีก 4.8 พันล้านดอลลาร์ มอบให้กับประเทศทางภาคพื้นแปซิฟิก

กระนั้นก็ตามดูเหมือนว่าขาเก้าอี้ของประธานสภาฯจอห์นสัน ก็ยังง่อนแง่นไม่ค่อยมั่นคงอยู่ดี เพราะหากเขาไม่สามารถได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนจากส.ส.ในค่ายพรรครีพับลิกัน 218 เสียง เขาก็คงจะต้องถูกปลดให้กระเด็นออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน

ส่วน “ส.ส.ออสการิโอ โคเตซ” ซึ่งเป็นนักการเมืองหัวก้าวหน้าผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของค่ายพรรคเดโมแครตได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องซีเอ็นเอ็น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพรรคเดโมแครตยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือต่อประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน แต่มิใข่ป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน!!

แม้ว่าประธานสภาฯจอห์นสันจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากบรรดานักการเมืองหัวอนุรักษ์นิยมขวาตกขอบของพรรครีพับลิกันก็ตาม แต่นักการเมืองส่วนใหญ่ในพรรครีพับลิกันต่างก็ออกมากล่าวยืนยันว่า “สภาฯจำต้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน”

สำหรับด้านของประธานาธิบดีโจ ไบเดน นั้น เขาได้ออกมาเรียกร้องให้สภาผู้แทนฯออกมาช่วยกันลงคะแนนสนับสนุนที่จะให้ความช่วยเหลือต่อยูเครนอย่างเร่งด่วน โดยเขากล่าวว่าการช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมเช่นนี้ ไม่ควรถูกขัดขวาง และเขายังได้กล่าวเสริมเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า หากสภาคองเกรสไม่ดำเนินการช่วยเหลือ ก็ย่อมจะเข้าทางที่ “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน”หมายมั่นปั้นมือเอาไว้

โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศความช่วยเหลือด้านความปลอดภัยพิเศษจากงบของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯให้แก่ยูเครนอย่างเร่งด่วน 300 ล้านดอลลาร์แล้วด้วย ส่วนประธานาธิบดีเซเลนสกี้ของยูเครนได้กล่าวย้ำติดต่อกันเสมอๆว่า ความช่วยเหลือของสหรัฐฯถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง มิเช่นนั้นแล้วยูเครนก็คงจะถูกกลืนเข้าไปอยู่ในวงโคจรของรัสเซียอย่างแน่นอน

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นหากจะวิเคราะห์จากแนวโน้มต่างๆกันแล้ว ดูเหมือนว่า “ส.ส.มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน”

ยังคงยืนกรานต้องการที่จะปลดประธานสภาฯไมค์ จอห์นสัน ออกจากตำแหน่ง โดยเธอออกมากล่าวว่า ไม่ต้องการที่จะให้สหรัฐอเมริกามอบความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนอีกต่อไป และดูเหมือนว่าการออกโรงมาเต้นแร้งเต้นกาของเธอในครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” แต่อย่างไรก็ตามเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ย่อมเป็นที่แน่นอนว่า ประธานสภาฯก็คงจะเดินหน้าให้ความช่วยเหลือต่อยูเครน และดูเหมือนว่าพรรคเดโมแครตก็คงจะยื่นมือก้าวเข้ามาช่วยปกป้องรักษาเก้าอี้ในตำแหน่งประธานสภาฯไม่ให้เขย่าสั่นสะเทือนจนขาหักกระเด็นละครับ