วันที่ 16 เมษายน 2567 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลการประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างวันที่ 8 – 14 เมษายน 2567 เบื้องต้นพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 14 เม.ย. 67 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 10 ล้าน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการมีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ที่มีการจัดกิจกรรมด้านวัฒนธรรม และบันเทิงในหลายพื้นที่ อีกทั้งการเดินทางในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในประเทศมุสลิม ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวมุสลิมเพิ่มขึ้นกว่า 96,000 คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียที่ขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 1 หรือเพิ่มขึ้น 78,297 คน จากสัปดาห์ก่อนหน้าส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 735,802 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า
117,970 คน หรือร้อยละ 19.09 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 105,115 คน

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ มาเลเซีย (150,390 คน) จีน (148,653 คน) อินเดีย (36,056 คน) รัสเซีย (34,671 คน) และเกาหลีใต้ (30,427 คน) โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย จีน และเกาหลีใต้ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสัปดาห์ก่อนหน้า ร้อยละ 108.61 ร้อยละ 17.45 และร้อยละ 1.81 ตามลำดับ ในขณะที่นักท่องเที่ยวรัสเซีย และอินเดีย ปรับตัวลดลงเล็กน้อย

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การสิ้นสุดเทศกาลถือศีลอด ที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียออกเดินทาง การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

ขณะที่ ภาพรวมการท่องเที่ยวในปีนี้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 15 เม.ย. 67 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 14 เม.ย. 67 ที่ผ่านมาทั้งสิ้น 10,723,953 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 518,036 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
จีน (2,031,552 คน) มาเลเซีย (1,391,057 คน) รัสเซีย (695,624 คน) เกาหลีใต้ (619,186 คน) และอินเดีย (546,935 คน)