"เชาว์" ซัดล้วงเงิน ธกส. แจกดิจิทัล เป็นความเห็นแก่ได้ของนักการเมือง ปชช.แบกหนี้ จี้รัฐเปิดแผนใช้หนี้

วันที่ 16 เม.ย.2567 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook ทนายเชาว์ มีขวด เรื่อง ใช้เงิน ธกส. ทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต  ความเห็นแก่ได้ของนักการเมือง  มีเนื้อหาระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ออกมาตีปี๊บล่าสุด ประชาชนได้จับเงินหมื่นแน่ในช่วงปลายปีนี้ สร้างความหวัง เติมความฝันให้ชาวบ้านว่าจะมีเงินใช้แล้ว แต่เป็นมาตรการชั่วคราวที่จะส่งผลเสียระยะยาวต่อประเทศ และส่อว่าจะขัด พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ.2509 มาตรา 9 ที่เขียนชัดถึงวัตถุประสงค์ของธนาคาร ที่กำหนดให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์ แต่รัฐบาลชุดนี้กำลังจะนำเงินของธนาคารไปแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยการเลี่ยงบาลีว่าเงินจำนวน 172,300 ล้านบาทที่จะล้วงไปนั้น คือนำไปจ่ายให้กับเกษตรกรที่เข้าเกณฑ์ได้รับเงินหมื่นในโครงการนี้ด้วย

ถือเป็นการเลี่ยงบาลี แบบเอาสีข้างเข้าถู ล้วงเงินเขามาแจกกันดื้อ ๆ แบบ ด้าน ๆ เลยก็ว่าได้ ท่านอาจเลี่ยงว่าไม่ขัดกฎหมายได้ แต่มันส่อว่าจะขัดหลักวินัยการเงินการคลัง และสุดท้ายคนที่เสียประโยชน์คือประชาชน เพราะต้องแบกหนี้ระยะยาวกันหลังอาน กับโครงการที่รัฐบาลได้หน้า แต่ประชาชนแบกหนี้ ยอดเงิน 172,300 ล้านบาท ที่ดึงมาจาก ธกส. เขาไม่ได้ให้ท่านฟรี ๆ เพียงแค่สำรองจ่ายไปก่อน โดยรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณคืนทั้งต้นและดอกเบี้ย ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่ระบุว่า รัฐบาลจะต้องรับภาระ ชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการนั้น

สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความชัดเจนกับประชาชนคือ มีแผนชำระหนี้ธกส.อย่างไร ในแต่ละปีมีเงินต้น ดอกเบี้ยที่ต้องชำระเท่าไหร่ เพราะถ้าคิดคร่าว ๆ ตามอัตราดอกเบี้ยของ ธกส.ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 6.975 ต่อปี กู้มา 172,300 ล้านบาท จะมีดอกเบี้ยราว 12,000 ล้านบาทต่อปี ถามว่าทำแบบนี้คุ้มไหมกับการดันจีดีพี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะโตจริงตามที่คาดการณ์หรือไม่ แต่ที่เกิดขึ้นแน่ ๆ คือความเสี่ยงต่อฐานะการเงินของ ธกส. และภาระหนี้สินของประชาชน ประเทศชาติ

“ท่านใช้เงิน ธกส.มาดันจีดีพี เสมือนล้วงเงินมาแจกเพื่อแต่งตัวเลข ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจโตในเชิงโครงสร้าง แต่เป็นการเทกระจาดแจกเงินซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกจุด ที่ต้องเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ แต่สิ่งที่ท่านทำสำเร็จในตอนนี้คือ การเพิ่มหนี้ให้กับประเทศ จากความเห็นแก่ได้ ที่ไม่คำนึงถึงผลเสียระยะยาวของบ้านเมือง” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย