วันที่ 15 เมษายน 67 เวลา 07.30 น.พ.ต.ท.ศุภกิจ พนัสพาชี พนักงานสอบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ  อ.เมือง จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้าน ม.5 บ้านคลองขนาย ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.พิน  อินมาก ผกก.สภ.บ้านวิสัยเหนือ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ  ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดชุมพร แพทย์ รพ.ชุมพรฯและหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ 

ในที่เกิดเหตุ เป็นบ้านไม้ ปลูกอยู่ริมบ่อเลี้ยงปลากะพง ขนาดความกว้าง 1 ไร่ ห่างจากถนนในหมู่บ้านสายดอนทราย-ทุ่งคา 700 เมตร  โดยบริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นพื้นไม้ปูด้วยไม้อัด ยกสูงจากพื้นดิน 80 ซม.พบผู้เสียชีวิต เป็นชายทราบชื่อภายหลังคือนายสุทิน หรือ จูน อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว อยู่ในสภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินขาสั้นพับเข่า นอนหงาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณท้ายทอย กระสุนทะลุกกหูด้านขวา เลือดไหลออกปาก ใกล้กันพบศพเพศหญิง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเลือดหมู กางเกงขายาวสีดำ  ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.กรรณิการ์ หรือแก้ว  อายุ 44 ปี เป็นภรรยาของนายสุทิน เอง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณระหว่างขมับกับหน้าผาก เป็นแผลรูขนาดใหญ่ นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด ทับอาวุธปืน ซึ่งทราบภายหลังเป็นอาวุธปืนชนิดลูกซองสั้น จึงได้นำมาตรวจสอบพบว่าในรังเพลิงมีปลอกกระสุนคาอยู่ จำนวน 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังพบบริเวณใต้ฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ของ น.ส.กรรณิการ์ เปื้อนเลือดทั้งสองอีกด้วย

จากการตรวจสอบ พบว่าบนพื้นไม้ในที่เกิดเหตุ  มีรอยเท้าเหยียบย่ำเลือดเดินเป็นทาง ซึ่งรอยเท้าดังกล่าวเมื่อวัดขนาดแล้วเทียบเท่ากับเท้าของ น.ส.กรรณิการ์ และบริเวณโต๊ะกาแฟ หน้าห้องนอน มีสารเคมียาฆ่าแมลง วางอยู่ จำนวน 1 กล่อง และยังพบว่าแก้วกาแฟ จำนวน 1 ใบ ในแก้วยังมีน้ำขุ่นๆหลงเหลือพอสังเกตให้เห็นก้นแก้วมีกากสารเคมียาฆ่าแมลงที่ยังละลายไม่หมดหลงเหลืออยู่ และบริเวณปากขอบแก้วกาแฟ มีคราบสีม่วงเป็นรอยปาก เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน 

เบื้องต้นสอบสวนพยานบุคคลและพยานแวดล้อม พบว่า นายสุทิน เป็นพ่อม่ายลูกติด 1 คน ส่วน น.ส.กรรณิการ์ เป็นแม่ม่ายลูกติดเช่นกัน 1 คน เป็นเพศหญิงกันทั้งคู่ และทั้งคู่ได้มาคบหาและจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เมื่อ ปี 2562 โดยตลอดที่อยู่ด้วยกันทั้งสองช่วยกันทำมาหากินกันอย่างขยันขันแข็ง จนกระทั่งเมื่อไม่นาน ประมาณปลายปี 2566 ที่ผ่านมาได้มี ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ทักเฟซบุ๊กมาที่นายสุทิน และชักชวนสนทนาในเชิงชู้สาว แต่นายสุทิน ได้เพียงแค่พูดคุยเท่านั้น และได้แจกแจงว่ามีภรรยาแล้ว (ซึ่งมีเก็บหลักฐานไว้ในอัลบั้มมือถือ)คาดว่า น.ส.กรรณิการ์ คงมารู้ จนเป็นเหตุให้เริ่มระแวง และเกิดทะเลาะกันบ่อยขึ้น ประกอบกับทราบว่า น.ส.กรรณิการ์ เป็นคนใจร้อน จึงใช้อาวุธปืนลูกซอง จ่อยิงนายสุทิน สามี สุดที่รักตาย และใช้อาวุธปืนกระบอกเดิมจ่อยิงตัวเองตายตามดังกล่าว

ซึ่งทางญาติ ไม่ได้ติดใจในการตายของทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบหาชนวนเหตุในการก่อเหตุในครั้งอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากนำร่างทั้งสองไปผ่าชันสูตรศพ เพื่อผ่ากระสุนและหาสารเคมียาฆ่าแมลงในศพ อันนำไปสู่การสรุปในสำนวนคดี ก่อนจะมอบศพให้ทางญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป

จากการสอบถาม น.ส.ศรีสุดา  อายุ 31 ปี อยู่บ้าน ม.5 บ้านคลองขนาย ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นน้องสาว นายสุทิน ผู้ตาย ทราบว่า วันนี้ ซึ่งเป็นวันที่บรรดาญาติๆจะมารวมตัวกันเพื่อจะทำบุญไหว้สวน ไหว้รถ เพื่อสิริมงคล ที่บ้านแม่ ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 500 เมตร  และนายสุทิน พี่ชาย ทุกปีจะเป็นรับหน้าที่เป็นเจ้าพิธี ดูแล จัดการ ทุกอย่าง 

โดย น.ส.ศรีสุดา กล่าวว่า เมื่อวาน(14/4/67)ทางแม่และพี่สาว ได้สั่งให้นายสุทิน จับปลากะพง ที่เลี้ยงให้ในบ่อ มาทำอาหารเพื่อใช้ในพิธีไหว้ ส่วนคนอื่นๆก็แบ่งหน้าที่กันไป จนกระทั่งเย็น แม่และญาติ ได้โทรศัพท์ไปหานายสุทิน พบว่าติดแต่ไม่มีคนรับ ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะเห็นว่า น.ส.กรรณิการ์ ภรรยาพี่ชาย ก็เพิ่งขับรถเข้าไป และทั้งสองคงทำงาน เนื่องจากทั้งสองเป็นคนขยันทำงานมีอาชีพทั้งเลี้ยงปลาขาย ปลูกมะละกอขาย รับจ้างเก็บมะพร้าวส่งขายและยังเลี้ยงวัว อีกด้วย จึงคิดว่าพี่ชาย คงรู้หน้าที่ตนเอง

ทั้งนี้ น.ส.ศรีสุดา กล่าวต่อว่า จนกระทั่งมาช่วงเช้า ประมาณ 7 โมงแล้ว ทุกคนสงสัย ว่า ทำไมพี่ชายยังไม่เอารถมาจอดและจัดเตรียมสถานที่เพื่อทำพิธีไหว้รถ จึงได้โทรศัพท์ไป ติดแต่ไม่รับเช่นเดิม ยังคิดว่าผิดปกติ จึงได้ขับรถ จยย.ไปที่บ้าน ก็พบรถยนต์จอดอยู่ทางขึ้น แต่พอไปดูที่บ้านก็พบว่า ทั้งสองเสียชีวิตแล้ว จึงได้มาแจ้งให้แม่และญาติ ที่รอคอยทำพิธีอยู่ที่บ้านได้รู้ ต่างก็มาดูและแจ้งให้ตำรวจได้มาตรวจสอบดังกล่าว

ด้านนายเลอพงษ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้าน ม.2 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นอาเขย เปิดเผยว่า ตนเองรู้จัก นายสุทิน และ น.ส.กรรณิการ์ ดี ทั้งคู่รักกันมาก จนหลายคนอดใจที่อิจฉา คอยแอบหยอกล้อเล่นไม่ได้ แต่ตนเองไม่เชื่อว่า ทั้งสอง จะฆ่ากันเพราะเหตุเพียงหึงหวง มันน่าจะเป็นเรื่องอื่นหรือไม่นั้น ไม่สามารถพูดได้ ก็ต้องรอว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปสำนวนการตายนั้นมาจากมูลเหตุใดกันแน่

ส่วนน.ส.ปุ้ย นามสมมุติ เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองมีบ้านอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุมากนัก และสนิทกับทั้งสองพอประมาณ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ทั้งสองเคยรักกันมากจริง แต่ระยะหลังๆมักจะทะเลาะกันบ่อยมาก จนไม่รู้ว่า ใครหึงใคร ใครหวงใคร มากกว่ากัน และไม่รู้ว่าทำไมไม่ทำความเข้าใจกัน กลับมาลงเอยด้วยความตายแบบนี้