วันที่ 15 เม.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์กับสส.พรรคเพื่อไทย ที่ยังมีเสียงสะท้อนจากภายในพรรคว่า ระหว่างนายกฯ กับสส. ยังมีระยะห่างกันมากและการเข้มงวดเรื่องงบประมาณว่า หลายโครงการที่ขอมาก็มีได้ อย่างที่บอกงบประมาณมีจำกัด และตนในฐานะนายกฯ มีหน้าที่ดูแลภาษีของประชาชน และมีหน้าที่ตอบรัฐสภาว่าภาษีนั้น มีการใช้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เช่น การสร้างสนามบิน ด่านชายแดนต่าง ๆ ต้องดูให้ดี เพราะมีการพูดคุย และดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง จึงอยากค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ขอให้ถึงเวลาก่อน ซึ่งหน้าที่ของตนก็ต้องปรับจูนระหว่างตนเองกับ สส. ของพรรคตลอดเวลา ตนต้องหลังพิงประชาชน เพราะประชาชนเป็นคนที่ส่งให้ตนมายืนอยู่ตรงนี้ และต้องผ่าน สส. ที่มีถึง 141 คน และพยายามอธิบายให้เข้าใจว่าเรื่องคืออะไร ประเด็นคืออะไร เหตุผลที่ให้ได้ และให้ไม่ได้ หรือทำไมต้องได้งบประมาณน้อยลง หรือเพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องของการพูดคุย เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ได้น้อยใจ ไม่ได้โกรธ ไม่ได้งอน ยังต้องพยายามไปพบปะพูดคุย หาวิธีสื่อสารให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ สส. พรรคเพื่อไทยอย่างเดียว เพราะตนเป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน ในสัปดาห์หน้าตนจะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไปดูการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสที่ 4
เมื่อถามว่า เรื่องการบริหารอารมณ์ทำอย่างไร นายกฯ ระบุว่า คิดว่าคนเราก็เป็นคนก็มีอารมณ์บ้าง ตนไม่ได้เป็นนักการเมืองอาชีพ ซึ่งตนเข้าใจว่าถ้าเป็นนายกฯ ต้องไม่มีสิทธิ์โกรธ ต้องพยายามรับฟัง ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ให้ดี ซึ่งตรงนี้ก็พยายามทำให้ดียิ่งขึ้น บางเรื่องก็เข้าใจได้ก็พยายามฝึกกันต่อไป
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เป็นนักธุรกิจแล้วใจร้อนมาก แต่เมื่อมาเป็นนายกฯ แล้ว ใจเย็นขึ้นเยอะ จนเพื่อนบ่น นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ หรือให้สื่อมวลชนเป็นคนสะท้อนว่ามีการพัฒนาอย่างไร ถ้าถามว่าทำได้ดีพอหรือยัง ต้องตอบว่า ยังไม่ดี ต้องพยายามกันต่อไป เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะแล้วก็ต้องรับฟังทุก ๆ คำถาม