สมศักดิ์-อนงค์วรรณ เปิดบ้านสุโขทัย ให้ขรก.-ปชช.รดน้ำสงกรานต์ พร้อมอวยพรให้ รัฐบาล ทำงานให้ประชาชนสำเร็จ พร้อมขอพรให้โคแสนล้านเดินหน้าได้ ย้ำ ข่าวปรับครม. ไม่สามารถคาดเดาได้ มองเป็นเพียงข่าวลือ นายกฯ บอกชาวหัวหิน เงินดิจิทัลวอลเล็ต ได้แน่ ไตรมาส 4 ด้าน สมชัย เตือนรัฐบาลจองศาลาได้เลย! ยืมเงิน ธกส. แต่ถ้ากู้เงินก็ ICU
เมื่อวันที่ 14 เม.ย.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ภริยา น.ส.ณัฐธิดา เทพสุทิน บุตรสาว ได้เปิดบ้านพักส่วนตัวที่จังหวัดสุโขทัย เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ หรือ ปีใหม่ไทย เพื่อเปิดให้รดน้ำขอพร และพบปะกับพี่น้องประชาชน โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นสพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สส.สุโขทัย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย นายนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย นายทรงเดช เสมอคำ สมาชิกวุฒิสภา พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด และพี่น้องประชาชน เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
โดยนายสุชาติ เป็นตัวแทนกล่าวว่า ตลอดการทำงานในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กว่า 2 ปี ขอยืนยันว่า นายสมศักดิ์ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองใด ก็มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ในจังหวัดสุโขทัย มาโดยตลอด ทั้งในเรื่องสิทธิของประชาชน ที่ต้องได้รับจากหน่วยงานราชการ ซึ่งจะมีการโทรติดตามด้วยตัวเอง รวมถึงการส่งเสริมอาชีพ ในการเลี้ยงวัวหรือด้านต่างๆ ก็ให้ความใส่ใจและได้เน้นย้ำกับตนมาตลอด และเวลานี้ในจังหวัด ก็มีความคืบหน้าในเรื่องต่างๆไปมาก โดยตน และส่วนราชการ จึงเห็นได้ถึงความตั้งใจอย่างเต็มที่
ขณะที่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกท่าน ทั้งส่วนราชการ รวมถึงพี่น้องประชาชน ที่เดินทางมาแสดงความระลึกถึงกัน ซึ่งวันนี้ ตนอยากจะพูดหลายเรื่อง ทั้งการทำงาน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 โดยสิ่งที่ประทับใจและตื่นเต้น คือ เวลาที่ต้องรักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้น ก็เกิดเรื่องพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก็ต้องรีบลงพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน รวมถึงทำให้ทราบปัญหาอย่างแท้จริง ตนจึงขอฝากทุกท่านว่า การทำอะไรในส่วนจังหวัด หรือ ท้องถิ่น เราต้องลงไปให้ถึงรากเหง้าของปัญหา รวมถึงเราต้องกล้าที่จะปรับแก้กฎหมาย ซึ่งอย่าทำงานแบบโยนกันไปโยนกันมา โดยการเมืองของตน ไม่นิยมความใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งต้องว่ากันที่การทำงาน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม และพี่น้องประชาชนจะไม่ได้อะไรเลย
สิ่งที่ผมภาวนา และขอพรให้สำเร็จมาตลอดก็คือ โครงการโคแสนล้าน ที่ต้องติดตามว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี ในครั้งหน้า จะสามารถผ่านมติคณะรัฐมนตรีได้หรือไม่ ซึ่งผมขอย้ำว่า เป็นโครงการที่ดี เพราะเกษตรกร จะมีอาชีพเสริม และเป็นการแสดงให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย ได้รับปากกับพี่น้องประชาชนไว้ในตอนเลือกตั้ง และกำลังทำให้เห็นว่า รัฐบาลนั้นให้ความสำคัญกับพี่น้องเกษตรกร ในการสร้างรายได้และเพิ่มอาชีพ รวมถึงก็ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งในสมัยอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ช่วยเหลือชาวสุโขทัย ในการผลักดันโครงการทุ่งทะเลหลวง ที่สามารถเก็บน้ำได้ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้สามารถผลิตน้ำประปาให้คนสุโขทัย ดื่มกินได้ถึง 5 อำเภอ หรือ ค่อนจังหวัดไปแล้ว โดยคนที่ไม่ชอบก็วิพากษ์วิจารณ์กันไป แต่ข้อเท็จจริง อดีตนายกฯทักษิณ สามารถทำให้คนสุโขทัยมีน้ำกินได้จนถึงปัจจุบันรองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ มีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งตนก็ไม่สามารถมาคาดเดาได้ แต่ตนเป็นรองนายกฯ ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 15 แล้ว โดยอาจจะเลิก ถ้าหากเป็นครบ 20 ครั้ง เพราะไม่รู้จะถูกย้ายไปไหน แต่ตามข่าวที่ออกมา ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์เลือก ซึ่งข่าวที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพียงสิ่งที่ลือกันไป ดังนั้น เวลานี้ ขอตั้งใจและทำสมาธิกับการผลักดันสิ่งต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ให้ดีที่สุด และมีความสุข ที่ได้ทำอยู่ นอกจากนี้ ในโอกาสปีใหม่ไทย ตนก็ขอให้ทุกท่าน มีแต่ความสุข และขอให้รัฐบาล สามารถดำเนินงานให้กับประชาชน ได้สำเร็จในทุกเรื่อง และเชื่อว่า ปีต่อไป จะเป็นปีที่ดีของพี่น้องประชาชน
ด้าน นางอนงค์วรรณ กล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน รวมถึงส่วนราชการ ที่เดินทางมาพบปะกันในวันนี้ โดยเวลานี้ ตนเป็นหลังบ้าน ที่คอยดูแลลูกๆ แต่สิ่งที่อยากจะบอกให้ทุกคนได้รับทราบ คือ ท่านสมศักดิ์ เป็นคนจริงจัง พูดเรื่องจริงไม่เคยพูดเล่นตั้งแต่สมัยจีบกันตอนเป็นหนุ่มสาว และตลอดเวลาที่อยู่กันมา ซึ่งมีแต่สิ่งที่อยากทำให้จังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่ในเรื่องของการหาแหล่งน้ำ การสร้างถนน นี่คือสิ่งที่เขาพยายามตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น แต่ทุกวันนี้ อายุผ่านล่วงเลยมา ท่านก็ยังไม่เคยที่จะหยุดทำงานให้กับจังหวัด รวมถึงประชาชน ซึ่งเป็นผลดี ที่ตนต้องฟังทุกวัน ทั้งในเรื่องของกฎหมาย เรื่องของโค แต่ก็พยายามแปลงให้เป็นเรื่องขำ เพื่อให้ทุกคนได้ฟังในวันนี้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขับรถยนต์ ABARTH รุ่น 695 Maserati Edition หมายเลขทะเบียน 3 กฎ 695 กรุงเทพมหานคร เดินทางมาพร้อมพญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และคณะ โดยนายกฯ ขับรถมาเดินตลาดเช้าซึ่งเป็นกิจวัตรตามปกติ ที่เดินทางมาพักผ่อนที่หัวหิน โดยใส่บาตรพระ 9 รูป ด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้งร้านลุงแต เจ้าประจำในตลาดหัวหิน ข้าวแช่ ขนมหวาน กล้วยไข่เชื่อม มันเชื่อม น้ำเต้าหู้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังใส่บาตร นายกฯได้เดินทักทายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวมะม่วง ร้านข้าวแช่ป้าตุ่ม ร้านขายเสื้อ ร้านขายขนมไทย โดยนายกฯ สอบถามว่าช่วงสงกรานต์ค้าขายเป็นอย่างไรบ้าง เศรษฐกิจดีหรือไม่ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า การค้าขายในปีนี้ดีขึ้น ขณะที่เจ้าของร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง กล่าวชมว่าตั้งแต่นายเศรษฐา มาเป็นนายกค้าขายดีขึ้น ซึ่งพูดเรื่องจริง
ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า สงกรานต์ปีนี้ดีกว่าปีเก่า นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะขึ้นเรื่อยๆและปีหน้าจะจัดกิจกรรมให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้น เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะดีขึ้น ดีกว่าปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินตลาดบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปให้กำลังใจนายกฯและมีบางส่วนเข้ามาสอบถามความคืบหน้าเรื่องโครงการเติมเงิน 10,000 บาทดิจิทัลวอลเล็ตว่า ตกลงเงินดิจิทัลจะยังได้หรือไม่ ซึ่งนายกฯ ยืนยันชัดเจนว่า ได้แน่นอนในไตรมาส 4
ด้าน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า กู้ ธกส.นั้น ICU. แต่ถ้ายืม จองศาลาได้เลย
สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐา จะดำเนินการกับแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ต 172,300 ล้านบาท คงไม่ใช่แค่กู้แล้วใช้คืนพร้อมดอกเบี้ย แต่อาจไปไกลถึงขั้นยืมและทยอยคืนในโอกาสที่เหมาะสมโดยไม่มีดอกเบี้ย
จับจากน้ำเสียงของ รมช.คลังที่พูดว่าเป็นการยืม จับจากคำตอบของปลัดกระทรวงคลังที่ไม่ตอบเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าดอกเบี้ยเท่าไร ใช้คืนเมื่อใด
แค่กู้ก็เหนื่อยแล้ว เพราะผิดวัตถุประสงค์ของ ธกส. แต่หากถึงขั้น ยืม ใช้คืนแบบไม่มีดอกเบี้ย นั้นจองศาลาวัดได้เลย เพราะ มาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เขียนไว้ชัดว่า โดยรัฐบาลรับภาระจะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการนั้น
เอาเงินออกไปใช้ย่อมสูญเสียโอกาสให้กู้ โดยอัตราดอกเบี้ยธนาคารทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 7.05-7.25 ต่อปี ส่วนของ ธกส. อยู่ที่ร้อยละ 6.975 ต่อปี เงินกู้ 172,300 ล้าน จึงมีดอกเบี้ยประมาณ 12,000 ล้านบาทต่อปี
เอาไปแจกประชาชน แล้วค่อยส่งคืนเมื่อตั้งงบประมาณได้ ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีกำหนดเวลาคืน ผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังชัดเจน คนยืมคือ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะ และคนให้ยืมคือบอร์ดและผู้บริหาร ธกส. จองวัดได้เลย อยากให้ ครม. มีมติเร็ว ๆ เลยครับ ประชาชนรอไม่ได้