นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ  สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงการที่อิหร่านตอบโต้อิสราเอลด้วยกันยิงโดรนและขีปนาวุธเข้าไปในอิสราเอลและต่อมาทราบจากข่าวว่าทางอิหร่านได้ประกาศในเวทีสหประชาชาติว่ายุติการตอบโต้ดังกล่าวแล้ว ซึ่งถ้าเป็นจริงถือว่าเป็นข่าวดีที่ทุกฝ่ายจะได้มีช่องทางในการพูดคุยทางการทูตเพื่อยุติความขัดแย้งต่างๆโดยสันติวิธี  อย่างไรก็ตามกรรมาธิการห่วงใยชีวิตของพี่น้องคนไทยเกือบ 30,000 คนที่ทำงานในประเทศอิสราเอล และเข้าใจว่ามีแรงงานบางส่วนเริ่มเดินทางกลับไปทำงานเพราะต้องมีรายได้เลี้ยงครอบครัว จึงขอฝากว่าสถานการณ์ยังอ่อนไหวและต้องติดตาม ขอให้พี่น้องคนไทยดูแลความปลอดภัยของตัวเองตามคำแนะนำของสถานทูตไทยในกรุงเทลอาวิฟและคำเตือนของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด ในชั้นนี้ขอกระทรวงการต่างประเทศเร่งตรวจสอบว่ามีคนไทยได้รับผลกระทบหรือไม่ เพียงใด

นายนพดล กล่าวว่าตนเห็นการแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจนั้นน่าจะเป็นท่าทีที่เหมาะสมและเห็นด้วยเพราะถ้ามีการยกระดับความขัดแย้งขยายวง ออกไปสงครามจะกระทบชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนยากจนเกือบทั่วโลก จากราคาน้ำมันที่อาจจะขยับสูงขึ้นและอาจจะมีปัญหาเรื่องของการเดินเรือและระบบโลจิสติกส์ตามมาซึ่งย่อมกระทบต่อการค้าการส่งออกของหลายประเทศ ตนจึงเรียกร้องให้สหประชาชาติได้เข้ามามีบทบาทในการเปิดช่องเจรจาทางการทูตเพื่อลดความตึงเครียด ยุติการสู้รบ และสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในตะวันออกกลางต่อไป