สุรินทร์ ผู้ว่าฯเมืองช้าง  แถลงข่าวการจัดงานแสดงแสง สี เสียง ตำนานคนเลี้ยงช้างครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 "รอยอารยธรรมเมืองสุรินทร์"พร้อมนำขบวนแห่ ด้วยการนั่งช้างเข้าสู่สนามจัดการแสดง ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตรอย่างคึกคักรื่นเริงด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมของชาวสุรินทร์ 


วันนี้(13 พ.ย.2567) ที่หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองสุรินทร์ หรือหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ หลังเก่า นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสุรินทร์ แถลงข่าว ใต่อสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติ ที่มาร่วมงานแถลงข่าวการจัดงานแสดงแสง สี เสียง ตำนานคนเลี้ยงช้างจังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2567 "รอยอารยธรรมเมืองสุรินทร์"


นายพิจิตร บุญทัน ผวจ.สุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดสุรินทร์ ประกอบไปด้วยตำนานอันมหัศจรรย์ อีกทั้งเรื่องราวที่ร้อยเรียงจากวิถีชีวิตของคน และช้าง และทุกเรื่องราว นั้น รอคอยลูกหลาน   เต็มไปด้วยเรื่องราวของความดีงาม จะเรียนรู้และสืบสานเพื่อน้อมรักมรดกแห่งความภาคภูมินั้นด้วยดวงใจ มีการ บอกเล่าผ่านย้อนเวลาไปตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ 200 ล้านปีก่อน โดยการค้นพบ พัฒนาการแห่งมนุษย์ชาติ บนผืนแผ่นดินแห่งนี้ ทำให้เชื่อว่าแสงแห่งชีวิตได้รังสรรค์ชีพ และสั่งสมเป็น วัฒนธรรมอันงดงามนานตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งนักมานุษยวิทยา และนักโบราณคดีลงความเห็นว่า บริเวณที่ราบลุ่มตอนกลางของแม่น้ำมูลด้านตะวันออก และชุมชนทุ่งสำริด ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และลุ่มแม่น้ำชีตอนล่างในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ยโสธร และอุบลราชธานี คือ แหล่งอารยธรรมโบราณอันทรงคุณค่า และบริเวณที่ราบลุ่มลำน้ำมูล แผ่นดินสุรินทร์เจิดจรัสไสว ด้วย เรื่องราวแห่งผู้คน ชุมชน ที่ปรากฎการตั้งถิ่นฐานเป็นสังคม อาณาจักรแห่งบรรพบุรุษชาวสุรินทร์ตั้งแต่บรรพกาล จากการศึกษาวิจัยและการสำรวจ พบแหล่งโบราณคดีในจังหวัดสุรินทร์ ส่วนมากเป็นชุมชน 


จังหวัดสุรินทร์ ได้มีการจัดงานมหาสงกรานต์ข้างสุรินทร์ ครั้งที่ 1 ขึ้นในระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2567ด้วยเช่นกัน โดยภายในงานมีการแสดงแสง สี เสียง ตำนานคนเลี้ยง ช้างจังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2567  ในภาคกลางคืน และมีกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ มากมาย อาทิกิจกรรม การละเล่นมหาสงกรานต์ช้าง อุโมงค์น้ำ อุโมงค์ไฟ การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ การก่อกองทราย กิจกรรม คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ประกวดคลิป Facebook และประกวดไลฟ์ สุดปัง การจัดแสดงและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารพื้นบ้าน ของดีเมือง ภายใต้กิจกรรม "เที่ยวสุรินทร์ ฟินสงกรานต์ ประจำปี 2567"


หลังจาก นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวเปิดงานแล้ว จากนั้น ผู้ว่าฯพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และเอกชน ขึ้นนั่งบนหลังช้างแสนรู้ เดินนำหน้า ไปยังสนามจัดงานสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา  มีขบวนแห่มหาสงกรานต์ช้างสุรินทร์ จำนวน 8 ขบวน ประกอบด้วย

ขบวนที่ 1 ขบวนดุริยางค์ (เทศบาลเมืองสุรินทร์)
ขบวนที่ 2 ขบวนพระพุทธรูป (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์) ขบวนที่ 3 ขบวนช้างผู้บริหารจังหวัดสุรินทร์ (ที่ทำการปกครองจังหวัดสุรินทร์)

ขบวนที่ 4 ขบวนเทศบาลเมืองสุรินทร์ (เทศบาลเมืองสุรินทร์)
ขบวนที่ 5 ขบวนมหาสงกรานต์ 4 ภาคและศิลปวัฒนธรรมอีสานใต้ (มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์)

ขบวนที่ 6 กลุ่มศิลปวัฒนธรรม 4 ชนเผ่า (4 อำเภอ) ประกอบด้วย ไทย-จีน (อำเภอเมืองสุรินทร์) เขมร (อำเภอปราสาท)
- ลาว (อำเภอรัตนบุรี) กูยหรือส่วย (อำเภอศรีณรงค์)

ขบวนที่ 7 ขบวนแฟนซีคนและช้าง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์)

ขบวนที่ 8 ขบวนฟินาเล่ (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์และส่วนราชการ) เมืองสุรินทร์" ประจำปี 2567 งานเลี้ยงช้างจังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 3

อีกทั้ง 2 ข้างทาง ยังมีจุดแสดงศิลปวัฒนธรรม 13 จุด จากอำเภอต่างๆ ประกอบด้วย อำเภอกาบเชิง อำเภอบัวเชด อำเภอพนมดงรัก อำเภอสำโรงทาบ อำเภอสังขะ อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอ สนม อำเภอจอมพระ อำเภอลำดวน อำเภอศีขรภูมิ อำเภอโนนนารายณ์ อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม


โดยในการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชนชาวสุรินทร์ทุกภาคส่วน และทุกกิจกรรมเน้นการส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและสุขภาพ และเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากวิถีชีวิตชุมชนต่างๆ เน้นกิจกรรมที่มีเสน่ห์เอกลักษณ์โดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม และประเพณีสุรินทร์ ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ของชนเผ่าไทยจีน เขมร ลาว และกูยหรือส่วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ ได้รับสนุกสนานเพลิดเพลิน และ สัมผัสมนต์เสน่ห์ ของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สวยงามของจังหวัดสุรินทร์ งานมหาสงกรานต์ช้างสุรินทร์ และการแสดงแสง สี เสียง ตำนานคนเลี้ยงช้างจังหวัดสุรินทร์ ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ เสริมสร้างความสามัคคี การอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของคนสุรินทร์แล้ว ยังเป็นการ กระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มรายได้ให้กับชาวสุรินทร์ และนำมาซึ่งความสนุกสนาน เพลิดเพลินและความ ประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วย