เรื่อง : ปาริชาติ เฉลิมศรี

กว่า 7 เดือนที่ "เศรษฐา ทวีสิน" ก้าวสู่เส้นทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง การผันตัวจากนักธุรกิจสังหาริมทรัพย์มาเป็นนักการเมือง

ทำให้ต้องมีการปรับตัว จากที่สามารถตัดสินใจอะไรได้ฉับไว แต่เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี การตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ก็ต้องใช้เวลา และต้องถามความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ก่อนที่จะออกแคมเปญอะไรออกมา รวมถึงการที่ต้องตกเป็น “เป้า” ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่าย “ทีมข่าวการเมือง” ได้ประมวลเหตุการณ์  ต่างกรรม ต่างวาระที่ทำให้ “นายกฯเศรษฐา” ไม่สบอารมณ์ เหนื่อยหัวใจมาแล้ว 

# “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” สกัดดาวรุ่ง ก่อนนั่ง “นายกฯ”

ก่อนที่เศรษฐา จะถูกโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงไม่กี่วันเมื่อ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์“ อดีตนักการเมือง ออกมาปั่นกระแสเรื่องการจัดซื้อที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน ) และเรื่องนอมินีในขณะที่ เศรษฐา เป็นผู้บริหารแสนสิริ ถึงการจัดซื้อที่ดินสุขุมวิทของบริษัทลูก บมจ. แสนสิริ ที่มีการจัดตั้งนอมินีดักไว้ล่วงหน้า และมีการซื้อขายโดยบริษัทที่จัดตั้งในฮ่องกงมีลักษณะฟอกเงินไปต่างประเทศ รวมถึงการใช้นอมินีซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ

เรื่องนี้ทำเอา เศรษฐา นั่งไม่ติด ถึงกับต้องอัดคลิปชี้แจงว่า การบริหารงานทำอย่างโปร่งใสในรูปแบบคณะกรรมการ ตามข้อบังคับของบริษัท และตลาดหลักทรัพย์ ตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งการซื้อขายที่ดินทำด้วยความถูกต้อง ตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว สิ่งที่ชูวิทย์พูดไม่เป็นความจริง

 #เจ็บจี๊ด ! วลี “นายกฯ ตัวแทน”

"ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 3 คน" เป็นคำพูด เป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อ เศรษฐา มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี            

ยิ่งเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร”  อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย ในรอบ 17 ปี เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา  รวมถึงการที่ตัวเศรษฐา เองก็เดินทางเข้าไปพบทักษิณ ถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านบางพลัด ยิ่งเป็นการตอกย้ำสิ่งที่ทุกคนมองว่า ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 3 คน ซึ่ง เศรษฐา ได้ชี้แจงว่า การที่เข้าไปพบทักษิณ เพื่อไปขอคำแนะนำในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี

และเมื่อถูกถามด้วยคำถามแบบนี้ เศรษฐา มักจะตอบกลับไปว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำ ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธ ไม่ได้น้อยใจ พร้อมกับยืนยันชัดๆ ด้วยว่า อย่าดรามากันว่ามีนายกรัฐมนตรีกี่คน เพราะรัฐธรรมนูญไทย ระบุอยู่แล้วว่า มีนายกรัฐมนตรีคนเดียวก็คือตัวเอง

# “โครงการลาดตระเวนตำรวจจีนในไทย” หวิดป่วน

เป็นเรื่องเป็นราวเมื่อ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกมาแถลงภายหลังประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี เรื่องโครงการตำรวจจีนลาดตระเวนตามเมืองท่องเที่ยวในไทย ซึ่งทำให้เกิดเสียงสะท้อนในสังคม จนเกิดกระแสเชิงลบถูกวิพากษ์วิจารณ์ และไม่พ้นที่นายกรัฐมนตรีจะถูกโจมตีจากภาคสังคมไปจนถึงฝ่ายค้าน ผ่านการเคลื่อนไหวของ คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พาคณะเข้าประชุมร่วมกับ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อราวกลางเดือนพ.ย. 66

โดยกรรมาธิการฯ ได้ให้เหตุผลว่า แนวคิดดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้น และได้รับการยืนยันแล้วว่าทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีผลกระทบในหลายมิติ

ในที่สุดเรื่องนี้ต้องจบลง และจบเร็ว  เมื่อผู้ว่า ฯ ททท. ออกมายอมรับว่าสื่อสารผิดพลาด โดยเป็นการขอความร่วมมือในการประสานข้อมูลระหว่างตำรวจสองประเทศที่เป็นประโยชน์ พร้อมกับเชิญตำรวจจีนมาดูงานในแหล่งท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีเจตนาที่ดี

ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีเองนั้น ก็ชี้แจงว่า คนเราพูดผิดพลาดกันได้ เข้าใจว่าผู้ว่าฯ ททท. ทำงานหนักมาก และพยายามหาช่องที่ดีที่สุด บางทีพูดพลาดไปบ้าง ต้องออกมาแก้ไข ต้องมาชี้แจง

#  พิษหมูเถื่อนเด้ง “อธิบดี DSI”

เมื่อกรมศุลกากรตรวจพบหมูเถื่อนที่มีการลักลอบนำเข้าประเทศไทย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับคดีหมูเถื่อนนี้เป็นคดีพิเศษ ขณะที่ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งปราบหมูเถื่อนภายใน 2 เดือน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่เริ่มตรวจห้องเย็นทั่วประเทศ 2,210 แห่ง

ส่วนนายกฯเศรษฐา เองก็ได้เรียกประชุมหารือแก้ปัญหาหมูเถื่อน โดยมีนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดี ดีเอสไอขณะนั้น และนายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ร่วมประชุม แต่ปรากฎว่า นายกฯ ไม่พอใจที่ดีเอสไอแก้ปัญหาล่าช้า จนมีการขึ้นเสียงในที่ประชุม

"ผมเชิญท่านมาพบที่ทำเนียบฯ แล้วรอบหนึ่ง ทำไมช้าจัง จัดการให้มันเร็วหน่อยได้ไหม มันจับมาได้ตั้งเยอะแยะแล้ว ทำไมไม่สั่งการซักทีนึง ผมสั่งการไปแล้วก็ไม่ทำ หาตัวรายใหญ่ได้แล้ว แต่เข้าถึงตัวไม่ได้สักที "

หลังจากนั้นไม่กี่วัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้พ.ต.ต.สุริยา ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยนายกฯ ได้ให้เหตุผลว่า อาจใช้คนไม่ถูกกับเนื้องาน อย่าไปคิดว่าเจอตอแล้วสั่งย้าย ไม่มีแน่นอน ไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้แน่นอน

 # “เงินหมื่น” อยู่ไหน ?

โครงการเงินแจกเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ถือเป็นเรื่องปวดหัว และทำให้นายกรัฐมนตรี อารมณ์เสียแทบนับครั้งไม่ถ้วน !

เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศ เดินหน้าเงิน 10,000 ดิจิทัลวอลเล็ต ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ทั้งจากฝ่ายการเมือง นักวิชาการและคณาจารย์ร่วมลงชื่อจำนวน 99 คนออกแถลงการณ์คัดค้านและเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก รวมถึงคนในแวดวงทางการเงิน

แต่คู่ปรับเด็ดสุดคงหนีไม่พ้น “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่าไม่มีความจำเป็น และกระแสข่าวว่าจะมีการปลดผู้ว่าฯ ธปท. ซึ่งหลังจากนั้นก็มีภาพระหว่างนายกฯ และผู้ว่าฯ ธปท. ที่นั่งพูดคุยกันเพื่อกลบกระแสดังกล่าว

รวมถึงแม้จะมีคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่มีหลายภาคส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการ แต่ ธปท. ก็ยังมีจุดยืนและมุมมองต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ที่มองเห็นความจำเป็นในการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ

และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกฯเศรษฐา นำทีมแถลงข่าวใหญ่อย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงความคืบหน้าว่า รัฐบาลจะใช้เม็ดเงินทั้งสิ้น 500,000 ล้านบาท ในการขับเคลื่อนนโยบาย โดยจะมีคนไทยที่อายุุเกิน 16ปีทั้งสิ้น 50 ล้านคน จะได้เงินคนละ 10,000 บาทซึ่งเงินจะเข้ากระเป๋าในราวไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ 

# “ศึกสีกากี” ทำ “นายกฯนิด” มึนตึบ !

อีกเรื่องที่น่าปวดหัว เมื่อมีการเชื่อมโยงว่า “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับ เส้นทางการเงินจากเว็บพนันเครือข่ายมินนี่มายังบัญชีม้า โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบ และพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เข้ายื่นคำร้องที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5,9,10

แต่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เองก็ใช่ว่าจะยอม เมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่า “ทนายคนดัง” ที่มีความคุ้นกัน “ทนายตั้ม”  ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาแฉเส้นทางการเงินในคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK MASTER ที่โยงไปถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และภริยา จนเกิดศึกสีกากีโต้ตอบกันผ่านสื่อไปมา

จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีเรียกทั้งคู่พบที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่ลงนามคำสั่งย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ไปช่วยราชการที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นั่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ