เมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 พ.ต.อ.กิตติพงศ์ เทพหนู ผกก.สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจาก นายสมชาย จันทรสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านหนองปลา ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ว่า ได้มีลูกบ้าน ชื่อ นางกชพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ได้ขอความช่วยเหลือจับกุม นายจีรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือไข่ดำ อายุ 35 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช และอยู่ในช่วงเวลาบำบัดยาเสพติด ได้เกิดอาการหลอน อาละวาด ขับรถยนต์ไล่ชนชาวบ้าน จึงได้นำกำลังตำรวจพร้อมประสานกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำอุปกรณ์การจับกุมมายังพื้นที่เป้าหมาย

โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ขนาดกว้างใหญ่ ปลูกอยู่ริมถนนสายหนองจิก-หนองปลา ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 6 กม.โดยตัวบ้านเกือบทั้งหลังติดตั้งหน้าต่างแบบกระจกบานเลื่อน ส่วนด้านขวาของตัวบ้านเป็นประตูกระจก เปิดเชื่อมต่อกับห้องเก็บห้องและโรงเรือนสำหรับจอดรถ และบริเวณด้านหน้าห้องเก็บของ มีรถ จยย.จอด อยู่ 1 คัน ใกล้กันพบว่าบริเวณโรงจอดรถ มีเฉพาะกันชนหน้ารถเก๋ง สีบรอนเงิน มีป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ถูกถอดตั้งไว้อย่างดีบนโต๊ะ ส่วนตัวรถยนต์พบว่าเป็นรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีบอรน จอดอยู่ริมถนน ห่างจากหน้าบ้านไปเพียงเล็กน้อย  ส่วนตัวนายจีรศักดิ์ ทราบว่าได้เดินเข้าไปในบ้านและปิดประตูหน้าต่าง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงเพียงเล็กน้อย

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถาม นายสมชาย จันทรสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แจ้ง พร้อม นางกชพร ผู้เป็นแม่ เพื่อประเมินสถานการณ์ ทราบว่า นายจีรศักดิ์ เป็นผู้ป่วยจิตเวช เนื่องจากเสพยาบ้าจนเพี้ยน เคยเผาบ้าน เพิ่งสร้างใหม่ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาทวอดไปแล้ว 1 หลัง ทางญาติ ได้นำตัวไปรักษา และขณะอยู่ระหว่างบำบัดยาเสพติด แต่ได้เกิดอาการหลอน พูดจาไม่รู้เรื่อง เที่ยวขับรถยนต์ไล่ชนชาวบ้าน ถือปืนออกมาขู่คนส่งพัสดุและถืออาวุธปืนและมีดไปอาละวาดตามบ้านเรือนของเพื่อนบ้าน สร้างความเดือดร้อน มา 3 วัน 

หลังจากที่ตำรวจได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้น พบว่า นายจีรศักดิ์ หรือ ไข่ดำ มีอาวุธปืน เสี่ยงเกิดอันตรายหากเข้าไป จึงได้ขอกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ ชุดราชเดช มาเข้าดำเนินการตามกลยุทธ์วิธีการจู่โจมจับกุม โดยชี้แจงให้ทางนางกชพร ผู้เป็นแม่ให้ได้ทราบถึงขั้นตอนการปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจหากมีการต่อสู้ ก็ต้องใช้ขั้นตอนตามกระบวนการ แต่จะพยายามอย่างละมุ่นละม่อมที่สุด จนเป็นที่เข้าใจ โดยทางนางกชพร ผู้เป็นแม่ พร้อม นายสมชาย ผู้ใหญ่บ้าน ขอไปลองเกลี่ยกล่อมดูก่อน เผื่อว่าลูกชายจะยอมออกมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อนุญาตโดยจัดกำลังเตรียมพร้อมป้องกันความปลอดภัยให้ทั้งสองอยู่ใกล้ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ผู้เป็นแม่และผู้ใหญ่บ้าน พยายามตะโกนเรียกให้ออกมา อยู่นานสองนาย ก็ไม่มีเสียงตอบรับจาก นายจีรศักดิ์ หรือไข่ดำ ออกมาแต่อย่างใด ภายในบ้านปิดยังคงเงียบคล้ายไม่มีคนอยู่ 

เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังเข้าประชิดรอบบ้าน พร้อมส่งเสียงเรียกตลอดเวลาเพื่อหาทิศทางที่นายจีรศักดิ์ หลบซ่อนตัวอยู่ แต่นายจีรศักดิ์ หรือ ไข่ดำ ก็คงเงียบสนิท เจ้าหน้าที่จึงต้องป้องกันตัวเป็นพิเศษจนกระทั่งเวลาผ่านไป กว่า 2 ชั่วโมง อยู่ๆได้มีกลุ่มควันโพยพุ่งออกมาจากห้องด้านติดกับห้องเก็บของ และมาทราบอีกทีหลังนางกชพร ตะโกน ออกมา ว่า มันจุดไฟเผาบ้านอีกแล้ว เจ้าหน้าที่ซึ่งรู้พิกัด จึงใช้ของแข็งตีกระจกให้แตก ก่อนใช้แก๊สน้ำตา ขว้างเข้าไป ไม่เกิน 5 นาที นายจีรศักดิ์ หรือ ไข่ดำ เปิดประตูกระจกด้านหน้าข้าง ในสภาพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม ไม่สวมรองเท้า ในมือถือขวากำมีงอ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ออกมาหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ซึ่งกระจายกันอยู่โดยรอบ ต่างจู่โจมจับตัว โดยใช้ปืนไฟฟ้ายิงนำจนล้ม แย่งมีดงอและควบคุมตัวได้อย่างละม่อม ก่อนนำตัวขึ้นรถกู้ชีพกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน ส่ง รพ.ทุ่งตะโก ท่ามกลางความดีใจและโล่งของชาวบ้านจำนวนมากที่แห่มาดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ พร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากยังจับไม่ได้ ก็คงต้องย้ายหนีออกไปอยู่ต่างพื้นที่ เพราะไม่กล้านอนบ้าน ไม่กล้าขับรถผ่านมาทางนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะโชคร้ายทาง ไอ้ไข่ดำ ทำร้ายวันไหน

ด้าน นายสมชาย จันทรสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านหนองปลา ต.ช่องไม้แก้ว อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดขณะนี้ถือว่าแพร่ระบาดรุนแรงเป็นอย่างมาก หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายยาบ้า 5 เม็ด ให้จับบำบัดเพราะถือว่าเป็นผู้ป่วย ทำให้ผู้เสพ จึงพกพาหาเสพกันคึกคัก ไม่เกรงกลัวกฎหมาย แม้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามระดมกวาดล้างผู้เสพผู้ค้าให้หมดหรือลดลง แต่ไม่เป็นผลสัมฤทธิ์ดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ ยาบ้า ยังหาซื้อง่าย ทยอยซื้อ ทยอยพก ทยอยเสพ ถูกจับก็บำบัด ไม่เหมือนเมื่อก่อน 1 เม็ด คือผู้เสพ 

นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนต้องช่วยกัน โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว ต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ อีกทั้งอยากให้รัฐบาลหันมาใช้กฎหมายฉบับเดิม 1 เม็ดคือผู้เสพ มากจากนั้นก็คือผู้ค้า และนอกเหนือจากนี้ ควรจะมีสถานบำบัดอำเภอละแห่ง และจัดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินการอย่างจริงจัง เชื่อว่าปัญหายาเสพติดจะลดและหมดไปในที่สุด