เมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เปิดเผยว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช , นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขา แม่สะเรียง ให้เจ้าหน้าที่ป่ไม้ทุกป่าอนุรักษ์จัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจทุกป่า ในการออกไล่ล่าผู้ลักลอบเผาป่าอย่างเด็ดขาด ทั้งในรูปแบบรถจักรยานยนต์ เฝ้าซุ่มจับกุม เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ที่มาลักลอบเผาในพื้นที่ป่า ตลอด 24 ชม โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
โดยวันที่ 10 เม.ย.67 นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย สั่งการให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย สนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.16 (สบป่อง) , เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าอุบลราชธานี , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปางมะผ้า , เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย.ร.712 , เจ้าหน้าที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติถ้ำลอด ให้ออกตรวจจุดเกิดเหตุไฟป่าและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายป่าไม้และสัตว์ป่า ตามจุดความร้อน (Hotsports) ของเช้าวันที่ 10 เม.ย.67 ครั้นเวลา 10.40 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจมาถึงใกล้บริเวณจุดเกิดจุดไฟป่า พบชาย 1 คน กำลังเก็บริบสุมเผาบริเวณขอบแปลงพื้นที่ทำกินใกล้จุด เกิดไฟป่า ชายคนดังกล่าวสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงไหวตัวทันและทำการวิ่งหลบหนีไปได้ คณะเจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งพบว่าเป็นพื้นที่ถูกบุกรุก จำนวน 1 จุด และ พบรถจักรยานยนต์ WAVE 110 I สีดำ จำนวน 1 คัน ไม้ของกลางยืนต้นตาย (ถูกกานและสุมเผาโคนต้น)จำนวน 10 ต้น ปริมาตร 9.87 ลบ.ม. ตัดเป็นท่อน จำนวน 12 ท่อน ปริมาตร 1.00 ลบ.ม. รวมเป็น 22 ท่อน/ต้น รวมปริมาตรทั้งหมด 10.87 ลบ.ม.
บริเวณจุดเกิดเหตุ อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านหนองผาจ้ำ ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 0.6 กิโลเมตร จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันดำเนินการตรวจวัดพิกัดโดยรอบโดยใช้เครื่องมือตรวจวัดพิกัดจับสัญญาณดาวเทียม (GPS) ทำการตรวจวัดพิกัดของพื้นที่ป่าที่ ถูกบุกรุกแผ้วถางเพื่อยึดถือครอบครอง เนื้อที่รวม 15 ไร่ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ในหลายช่วงปี พบว่าพื้นที่ 9-2-71 ไร่ มีการแจ้งสิทธิการครอบครองชื่อ นายปัน ไม่มีชื่อสกุล อยู่หมู่ที่ 1 ตำบลสบป่อง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ และ พื้นที่ 5-1-47 ไร่ ไม่ปรากฏร่องรอยการใช้ประโยชน์ที่ดินในช่วงหลัง ปี 2557
คณะเจ้าหน้าที่จึงลงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 , 69 ฐานทำไม้และมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 54,72 ตรี ฐาน “ก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” “ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”ตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55(2),99 ฐาน “ยึดถือหรือครอบครองที่ดิน ก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือทำด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิม”“ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปีหรือปรับตั้งแต่สี่แสนถึงสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” มาตรา 55(5),100 ฐาน เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ซึ่งไม้ ดิน หิน กรวด ทราย แร่ ปิโตรเลียม หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใด อันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ หรือความหลากหลายทางชีวภาพ จึงได้จัดทำบันทึกตรวจยึด ส่ง พนง.สภ.ปางมะผ้า เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป